วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555


ช็อตเด็ดฟุตบอลวันนี้  ขอเชิญชมเทคนิคการหลอกยิงประตูที่ขอบอกว่า ล้ำลึกยิ่งนัก  ด้วยการปล่อยลอดขาถึง 3 คน ก่อนยิงประตู
หากใครคิดจะลองใช้สูตรนี้ก็ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งลูกที่น่าศึกษายิ่งนัก

แหล่งข่าว sanook.com

คลิปเป็นข่าว: ซ่าไม่เลิก หญิงเมาเเล้วซ่า ยืนกลางถนน ล่อรถให้มาชน
ดูไว้เป็นตัวอย่างนะครับ เวลาคนเราเมา มักจะทำอะไรที่ไม่เคยทำเช่นในคลิปนี้ 

ขอบคุณคลิปจาก Youtube.com
ดังทั่วโลก! สาวเวียดนาม เต้นกังนัม สไตล์ 
ไปดู กังนัม สไตล์แนวสดใสบ้างดีกว่าครับ



เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัว นายไมเคิล เซลเลไนต์ วัย 54 ปี จากเมืองเซ็นเทอร์วิลล์ รัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อเหตุยิง นายโทนี เพียร์ซ เพื่อนบ้านวัย 41 ปี จนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเชื่อว่า นายเพียร์ซส่งโทรจิตมาข่มขืนภรรยาของเขา
            รายงานระบุว่า นายไมเคิล เซลเลไนต์ กำลังจะถูกนำตัวขึ้นศาล หลังจากที่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าและครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2011 (พ.ศ. 2554) ที่ผ่านมาซึ่งนายไมเคิล เซลเลไนต์ กล่าวอ้างว่า นายโทนี เพียร์ซ เพื่อนบ้านของเขามีพลังจิต และได้ส่งโทรจิตมาข่มขืนภรรยาของเขาหลายครั้ง และใช้โคเคนควบคุมจิตเธอเอาไว้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ อีกทั้ง เพียร์ซยังส่งโทรจิตมาข่มขู่เอาชีวิตเขาด้วยเช่นกัน เขาจึงจำเป็นต้องลั่นไกเพื่อป้องกันตัวเอง

            อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุ จูลี่ จอร์จ ทนายความของเซลเลไนต์พยายามต่อสู้คดี โดยระบุว่า นายไมเคิล เซลเลไนต์ ลูกความของเธอมีปัญหาทางจิตและจำเป็นต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐยูทาห์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขามีอาการหวาดระแวงกลัวถูกทำร้าย

            แต่จากผลการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชรวม 3 คน ตามคำสั่งของศาล ชี้ว่า เซลเลไนต์มีภาวะความผิดปกติทางสมองบางประการที่ทำให้การควบคุมอารมณ์บกพร่อง แต่ยืนยันว่าเขามีสุขภาพจิตเป็นปกติดี จึงไม่ถือเป็นผู้ป่วยทางจิต และพร้อมถูกนำตัวขึ้นศาล ขณะเดียวกัน ภรรยาของเขาก็ถูกตั้งข้อหาซื้ออาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายให้สามี จนเป็นเหตุให้เขาก่อเหตุยิงเหยื่อดังกล่าวด้วยเช่นกัน

แหล่งข่าว Kapook.com

iPad mini กำหนดเปิดตัว 17 ต.ค. นี้ ?


[2-ตุลาคม-2555] แหล่งข่าววงในหลายแห่งได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า แอปเปิ้ล (Apple) เตรียมร่อนบัตรเชิญไปยังสื่อต่างๆ ในวันพุธที่ 10 ตุลาคม เพื่อให้เข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตกเป็นข่าวลือข้ามปีอย่าง ไอแพด มินิ (iPad mini) ในวันพุธที่ 17 ตุลาคม ศกนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง สงคราม "แท็บเล็ต" ขนาด 7 นิ้วคงจะได้ระอุขึ้นอีกครั้ง


เว็บไซต์นิตยสารธุรกิจชั้นนำอย่าง Fortune ได้รายงานข่าวเมื่อวานนี้ว่า หากแหล่งข่าวให้ข้อมูลกำหนดการเปิดตัวได้อย่างถูกต้อง และแอปเปิ้ลยังคงใช้ตารางการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตามปกติ iPad mini ควรจะวางตลาดได้ภายในวันที่ 26 ตุลาคม ศกนี้ เรียกได้ว่า เป็นการเปิดตัว และวางตลาดภายในเดือนเดียวกัน ก็ได้แต่หวังว่า มันจะไม่ได้เป็นข่าวลือ อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนเสียชีวิต Steve Jobs ได้เห็นด้วยกับทีมผู้บริหารในการที่จะพัฒนา iPad ขนาดเล็ก ตามด้วยกระแสของข่าวลือที่ว่า iPad mini จะมีขนาดของหน้าจอ 7.85 นิ้ว เล็กกว่ารุ่นปัจจุบันที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว
ไอแพด มินิ จะเป็นชื่อที่ใช้เรียก iPad รุ่นนี้ หรือไม่? เป็นเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน แต่หากสังเกตจาก iPhone 5 ที่คาดการณ์กันว่า Apple จะใช้ชื่อ New iPhone เพื่อจะได้เปลียนระบบการตังชื่อใหม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น ขณะเดียวกัน ข่าวลือที่ออกมาส่วนใหญ่ก็เรียก iPhone รุ่นนีว่า iPhone 5 อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาสร้างแบรนด์ หรือคำค้นบนออนไลน์ ส่วนiPad mini ก็เป็นชื่อเรียกที่ปรากฎบนหน้าเว็บทั่วโลกหลายสิบล้านเพจแล้ว ซึ่งหากใช้ชื่ออื่น ก็น่าเสียดายกับกระแสที่มีการสร้างขึ้นไว้แล้ว โดย Apple ไม่ต้องเสียตังค์สักบาท นอกจากเรื่องของขนาดหน้าจอ Retina 7.85 นิ้วแล้ว ยังมีการคาดการณ์เกียวกับราคาเปิดตัวของ iPad mini ด้วยว่า มันจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 250 เหรียญฯ (7,500 บาท) เพื่อต่อกรกับ Nexus 7 ของ Google และ Kindle Fire รุ่นใหม่ของ Amazon
แหล่งข่าว sanook.com


(2 ต.ค.55) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ควบคุมตัว นายกฤษฎา สุขประเสริฐ อายุ 25 ปี หลังก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ตั้งด่านตรวจวินัยจราจร จับตรวจแอลกอฮอล์ไม่พบ เจ้าตัวอ้างกำลังเครียดจัด
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายกฤษฎา ขับรถจักรยานยนต์กำลังเข้าไปในตัวเมืองพิษณุโลก แต่มาเจอกับด่านตรวจของ สภ.เมืองพิษณุโลก บริเวณหน้าวัดคูหาสวรรค์ เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจ เพราะผู้ต้องหาไม่สวมหมวกนิรภัย ก่อนจะเชิญตัวมารอที่โต๊ะออกใบสั่ง
ระหว่างที่ นายกฤษฎา กำลังรออยู่นั้น ด.ต.ถนอม กรัดเฟื่อง ผบ.หมู่งานจราจร ได้เดินเข้ามาสอบถาม แต่ปรากฎว่า นายกฤษฎา เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ใช้กำลังคว่ำโต๊ะออกใบสั่งและชกเข้าที่ใบหน้าของ ด.ต.ถนอม จนเกิดเป็นความชุลมุมวุ่นวายขึ้น เจ้าหน้าที่รีบนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพักทันที
นายกฤษฎา เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเครียดหนัก เนื่องจากมีปัญหาทางครอบครัวกับตกงานมานาน ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถไปไหว้หลวงพ่อพระพุทธชินราช และหาที่สงบๆ ได้ทบทวนชีวิต แต่ระหว่างทางกลับบ้านเจอด่านตำรวจเรียกตัวไว้ จึงเกิดอาการหงุดหงิดและฉุนเฉียน จึงต่อยตำรวจไปอย่างไม่รู้ตัว
ด้าน ด.ต.ถนอม บอกว่า ได้เข้าไประงับเหตุ หลังจากที่เห็น นายกฤษฎาทำร้ายข้าวของและล้มโต๊ะออกใบสั่ง แต่กลับถูกชกหน้าสวนกลับมา 1 ครั้ง จนล้มลงกับพื้น เพื่อนตำรวจจึงได้เข้ามาระงับเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำตัวจับตรวจปริมาณจแอลกอฮอล์ภายในร่างกาย แต่ไม่พบแต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่พนักงาน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แหล่งข่าว sanook.com

เปิดจองยาซิเดกร้า ซึ่งเป็นยาที่ช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวเร็วขึ้น ลดปัญหาครอบครัว ยอดซื้อแตะ 2 หมื่นเม็ดในวันแรก ด้าน ผอ.อภ. ลั่น ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์

             เมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม) นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เป็นวันที่วางแผงยาซิเดกร้า (Sidagra) ซึ่งเป็นยาที่รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่ทาง อภ. ผลิตขึ้นมาเอง พบว่า มียอดสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 5,000 กล่อง หรือ 2 หมื่นเม็ดแล้ว และได้ส่งไปตามร้านขายยาที่สั่งมาเรียบร้อย
             นพ.วิทิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ที่จะซื้อยาซิเดกร้าได้ ต้องได้รับใบสั่งจากแพทย์ว่าเป็นผู้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศจริง ๆ ซึ่งการผลิตยาดังกล่าว มีจุดประสงค์หลักคือช่วยทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวเร็วขึ้น เป็นการบำบัดให้คุณภาพชีวิตครอบครัวของผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพดีขึ้น ไม่ใช่เป็นยาปลุกเซ็กส์ ทำให้อารมณ์ทางเพศดูซู่ซ่าแต่อย่างใด \>

             ทั้งนี้ ยาซิเดกร้า เป็นยาเม็ดเคลือบสีฟ้า รูปทรงข้าวหลามตัด มีขาย 2 ขนาดด้วยกัน คือ 50 มิลลิกรัม ในราคาเม็ดละ 25 บาท และขนาด 100 มิลลิกรัม ในราคาเม็ดละ 45 บาท โดยจะบรรจุขายเป็นแผง แผงละ 4 เม็ดด้วยกัน

แหล่งข่าว ฐานเศรษฐกิจ


วันที่ 2 ต.ค.55  เวลา 09.00 น.  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุถนนยุบตัว เหตุเกิดที่บริเวณ ถ.งามวงวานศ์ ฝั่งขาออก ใต้สะพานข้ามแยกบางเขน ก่อนออกถนนวิภาวดี ประมาณ 20 เมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านอาหารใบไม้ร่าเริง และโรงพยาบาลวิภาวดี แขวงลาดยาวเขตจตุจักร กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า บริเวณช่องการจราจรเลนซ้าย พบถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร โดยภายในหลุมดังกล่าวมีลักษณะเป็นโพรง ซึ่งถนนที่เกิดเหตุนี้อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของกรมทางหลวงฯ 
 
          ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น. นายประมณฑ์ สถาพรนานนท์ ผอ.สำนักทางหลวงที่ 11 กทม. ได้เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมกับนายอิศราเมศร์ คชานุกุลย์ ผอ.เขตจัตุจักร จากนั้นจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้รีบเข้ามาเร่งดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน 
 
          จากการสอบถาม ดต.นาดี เพชรดีทน ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สน.พหลโยธิน กล่าวว่า จุดที่เกิดเหตุนั้น ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ขณะที่ตนเข้าเวรสายตรวจในช่วงเวรดึก ซึ่งขณะนั้นตนได้ขับรถผ่านมา และสังเกตเห็นว่ามีหลุมขนาดเท่าฝ่ามือ และในวันนี้ ระหว่างที่เดินทางมาเข้าเวร ก็ได้รับแจ้งว่า มีเหตุถนนทรุดตัวในจุดดังกล่าว จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ และนำกรวยยางมากั้นเอาไว้ เพื่อป้องกันรถที่วิ่งผ่านไปมาเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งต้องรีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางเขน แต่ด้วยความที่ตนอยู่ใกล้ที่สุด จึงรีบเดินทางมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ก่อน และรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ให้มาดำเนินการต่อไป จากนั้นจึงรีบประสานงานให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ให้รีบมาดำเนินการต่อไป 
 
          "ในช่วงที่เกิดเหตุ ถือว่ามีการจราจรค่อนข้างที่จะคับคลั่ง และติดขัด จึงส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรตามมาเป็นระยะทางยาว ทำให้เจ้าหน้าที่จราจร ทั้งในพื้นที่ และใกล้เคียงต้องพยายามที่จะเร่งระบายรถให้ไวที่สุด " ดต.นาดี เพชรดีทน ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สน.พหลโยธิน กล่าว 
 
          ด้าน นายประมณฑ์ กล่าวว่า จุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับแนววางท่อระบายน้ำของ กทม. ซึ่งเป็นไปได้ว่า ท่อระบายน้ำอาจเกิดการรั่วซึม และน้ำที่รั่วออกมานั้น จึงเป็นตัวเร่งให้ดินและทราย ซึ่งอยู่ใต้พื้นผิวถนน ไหลออกจนเกิดเป็นโพรงใต้ดิน ทั้งนี้ เมื่อรถวิ่งผ่านนานๆ เข้า ผิวถนนที่เป็นคอนกรีต ก็ไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักได้ไหว จึงเกิดการทรุดตัวลง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือว่ายังโชคดี ที่ไม่มีใครได้รับอันตราย หรือได้รับบาดเจ็บ 
 
          นายประมณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการซ่อมแซมในเบื้องต้น ได้นำเครื่องจักรและอุปกรณ์ มาทำการเปิดผิวถนน และขุดลอกดินที่เป็นโพรงออก เพื่อหาจุดที่มีการรั่ว และไหลของดินจากน้ำที่กัดเซาะ โดยการทำงานครั้งนี้ได้ประสานงานกับทาง กทม. รวมทั้ง รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ อาจารย์วิศวะกรรมปฐพี ภาควิชากรมโยธา  คณะวิศวะกรรม ม.เกษตรศาสตร์  ให้เข้ามาร่วมช่วยดูแล และตรวจสอบด้วย ซึ่งเมื่อพบจุดรั่วซึมแล้วก็จะใช้ดิน หิน และซีเมนต์ เข้ามาทำการอุดรอยรั่ว และบดอัดด้วยกากมิคซ์ ซึ่งเป็นยางมะตอยที่แข็งแล้ว  ก่อนจะบดอัดด้วยแอสเฟ้าว์อีกครั้ง  เพื่อที่จะเร่งให้สามารถเปิดการจราจร ได้ทันก่อนช่วงเวลา 16.00 น. ในช่วงเย็นวันนี้ที่ 2 ต.ค. เพื่อให้ทันเวลาโรงเรียนเลิก และรองรับการจราจรในช่วงเย็นที่หนาแน่น 
 
          ขณะที่ นายอิศราเมศร์ กล่าวว่า  เบื้องต้นทางสำนักงานเขตจัตรุจักร ก็ได้ประสานสำนักโยธา กทม. มาร่วมทำงานกับ กรมทางหลวงฯ ซึ่งจุดดังกล่าวทางสำนักระบายน้ำ กทม. ได้มีการวางท่อระบายน้ำเป็นท่อลอดถนน หรือไซฟ่อน บริเวณจุดเกิดเหตุ ท่อขนาด 1.5 เมตร และทำการฝังในความลึก 3 เมตร และมาทำการเชื่อมจุดดังกล่าวซึ่งมีความกว้างประมาณ 5 เมตร จึงเป็นไปได้ว่า ท่อระบายน้ำอาจเกิดการรั่วซึม ทำให้น้ำกัดเซาะชั้นดินด้านล่าง และไหลไปตามท่อระบายน้ำ ทำให้จุดดังกล่าวเป็นโพรงและเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น อีกทั้งการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นผลพวงมาจากภาวะฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จนทำให้เป็นตัวเร่งกับน้ำที่รั่วซึมอยู่ด้านล่าง จนทำให้ชั้นดินเกิดยุบตัวลง
 ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) แจ้งผู้ใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนงามวงศ์วาน บริเวณแยกเกษตรมุ่งหน้าแยกบางเขนหน้าโรงพยาบาลวิภาวดี เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจร 2 ช่องทางขาออก เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุถนนทรุดตัวในช่องทางซ้ายที่จะเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตเป็นวงกว้างประมาณ 1 เมตรยาว 1.50 เมตรลึก 2 – 3 เมตรโดยเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่เป็นเขตอันตรายแล้ว 
 
          สำหรับสาเหตุนั้นสันนิษฐานว่า เกิดจากท่อระบายน้ำใต้ดินรั่วทำให้ดินเกิดการทรุดตัว ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวง กทม.และสำนักงานเขตบางเขน และตำรวจ สน.บางเขน กำลังเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนพร้อมทั้งนำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ซ่อมแซมเป็นการด่วนแล้วหากไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางดังกล่าวให้หลีกเลี่ยงไปใช้ทางอื่นแทนจะสะดวกกว่า 
 
          ขณะเดียวกันกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ยังแจ้งผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรถนนอู่ทองใน ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนพิษณุโลกและราชดำเนินมีกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ปักหลักบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าประมาณ 200 คน รถปิกอัพบรรทุกไข่ 2 คัน รถบรรทุกเครื่องกระจายเสียง 1 คัน เรียกร้องราคาไข่ไก่ตกต่ำ และกำลังจะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลและนำไข่ไก่จำนวนหนึ่งไปปาทิ้งหน้าทำเนียบรัฐบาลและวางไว้ประตู 5 หน้าทำเนียบฯ จำนวน 20 ถาด 600 ฟอง

แหล่งข่าว คมชัดลึก

  กรมอุตุฯ ประกาศพายุเกมี เข้าไทย 6 - 7 ตุลาคมนี้ ทำฝนตกหนักทุกภาค คาดว่าปริมาณน้ำฝนเกิน 90.1 มิลลิเมตร เตือนประชาชนระมัดระวัง งดนำเรือเล็กออกจากฝั่ง

          วันนี้ (2 ตุลาคม) เมื่อเวลา 04.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่า พายุโซนร้อน "เกมี" (GAEMI)  จะทวีกำลังแรงขึ้นจากบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 700 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 17.0 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 114.8 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง พายุนี้เกือบจะไม่เคลื่อนที่ และในช่วงวันที่ 2 - 3 ตุลาคม 2555 ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย

          ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 4 - 5 ตุลาคม คาดว่า พายุดังกล่าวจะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนาม และในช่วงวันที่ 6 - 7 ตุลาคม จะเคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ของประเทศไทยตามลำดับ ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งลักษณะดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง 
          อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

          พร้อมกันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ยังระบุอีกว่า ในช่วงวันที่ 2-3 ตุลาคมนี้ ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย
          ขณะที่ นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุเกมีนั้น ถือว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีคือ น้ำจะเข้าไปเติมปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว เขื่อนลำพระเพลิง และเขื่อนอุบลรัตน์ทางภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนล่างจะเติมที่เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล ที่มีปริมาณน้ำในเขื่อนเพียง 50 - 60% ส่วนผลเสียคือพื้นที่ใต้เขื่อนจะได้รับผลกระทบเพราะปริมาณน้ำฝนมีมาก ซึ่งคาดว่าจะเกิน 90.1 มิลลิเมตร

          นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่ทั้งนี้ฝากไปยัง กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ ให้วางแผนจัดการน้ำเหนือที่ไหลลงสู่ภาคกลางและลงสู่ทะเลต้องไม่ให้ตรงกับช่วงที่ทะเลหนุนสูงด้วย เนื่องจากคาดว่า ในวันที่ 7 ตุลาคม พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวออกจากประเทศไทย รวมถึงหลังจากนี้ ก็อาจจะมีพายุลูกอื่นเข้ามาอีกจนกว่าจะสิ้นเดือนตุลาคม

  พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

  ภาคเหนือ 


          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

          อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 24 องศาเซลเซียส
          อุณหภูมิสูงสุด 32 - 33 องศาเซลเซียส
          ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

          มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
          อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 24 องศาเซลเซียส
          อุณหภูมิสูงสุด 32 - 33 องศาเซลเซียส
          ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

  ภาคกลาง

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
          อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 25 องศาเซลเซียส
          อุณหภูมิสูงสุด 33 - 34 องศาเซลเซียส
          ลมแปรปรวน ความเร็ว 10 - 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

  ภาคตะวันออก 

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

          อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 25 องศาเซลเซียส
          อุณหภูมิสูงสุด 31 - 34 องศาเซลเซียส
          ลมแปรปรวน ความเร็ว 15 - 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
          ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

  ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) 
          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

          อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
          ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
          ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร 

  ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) 

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

          อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 33 องศาเซลเซียส
          ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
          ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

  กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่

          อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 34 องศาเซลเซียส
          ลมแปรปรวน ความเร็ว 15 - 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    กรมอุตุนิยมวิทยา


น้องกระแต พริตตี้สาว วัย 33 ปี เหยื่อหมอเถื่อนฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพก ช็อกหมดสติจนเป็นเจ้าหญิงนิทราเสียชีวิตแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (2 ต.ค.) น้องกระแต น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ พริตตี้สาววัย 33 ปี เกิดอาการช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลังเข้ารับการศัลยกรรมฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพกกับหมอเถื่อน นายธวัช ณัชวีระกุล อายุ 24 ปี อดีตผู้ช่วยศัลยแพทย์ที่รู้จักกันดีในแวดวงศัลยกรรมว่า"หมอป๊อบ" ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ก่อนเข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.กล้วยน้ำไท 1 โดยน้องกระแตเสียชีวิตแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 10.40 น. แพทย์ระบุสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เตรียมแถลงข่าว ด้านเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหานายธวัชชัยเพิ่ม
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. นายธวัช ได้เดินทางเข้าเยี่ยมน้องกระแตและครอบครัวถึงโรงพยาบาล

แหล่งข่าว sanook.com



สุดหวาน 'มาร์กี้'ประกบ'ฟิล์ม'ใน'น้ำไหลที่ตาแต่เจ็บที่ใจ'

  เป็นเรื่องราวของพี่ชายผู้เสียสละ (ฟิล์ม) ดูแลให้ความรักเอาใจใส่เพื่อครอบครัว และสถานการณ์หัวใจและความรักกำลังเดินไปได้สวย แต่จู่ๆ ก็มีเหตุให้ต้องมีการตัดสินใจเพื่อความสุขของคนที่ตนเองรักที่สุด 
     
              บรรยากาศเบื้องหลังทั้ง "ฟิล์ม-มาร์กี้" แสดงได้ผ่านฉลุยเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้กำกับ "กู่-เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข" แถมในเอ็มวีนี้มาร์กี้จะมีบทดราม่าน้ำตาไหลซีนอารมณ์ โดยนางเอกสาวเผยว่า "แรกๆ กลัวว่าจะทำอารมณ์ไม่ได้ เพราะไม่มีบทพูดเลย เหมือนคนเป็นใบ้อยากพูดแต่พูดไม่ได้ ไม่เหมือนละครมันมีบทพูดมาช่วยเล่าเรื่องเติมอารมณ์ให้เราได้ แต่พี่กู่ผู้กำกับฯ ก็บิวต์ให้จนได้ ฝากมิวสิกวิดีโอเพลง น้ำไหลที่ตาแต่เจ็บที่ใจ ที่มาร์กี้ร่วมแสดงด้วย" มาร์กี้กล่าว 
     
              ติดตามชมมิวสิกวิดีโอเพลง "น้ำไหลที่ตา แต่เจ็บที่ใจ" ของนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" และไขข้อข้องใจกับอารมณ์น้ำไหลที่ตาแต่เจ็บที่ใจ มันเป็นอย่างไร? ติดตามชมได้ 3 ตุลาคมนี้



แหล่งข่าว เดลินิวส์


ผู้สื่อข่าว "มติชนออนไลน์" รายงานว่า จากการที่ตลอดทั้งวันที่ 1 ตุลาคมได้มีกระแสข่าวการจัดมวยไฟต์พิเศษ ระหว่าง บัวขาว บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข แชมป์ เควัน และแชมป์ไทยไฟต์ปีล่าสุด กับ แมนนี่ ปาเกียว ยอดนักมวยสากลอาชีพชาวฟิลิปปินส์
ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพื่อเชื่อสัมพันธ์กันระหว่าง 2 ประเทศ ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้านั้น
ล่าสุด "เสี่ยมด" นพพร วาทิน ประธานจัดไทยไฟต์ กล่าวว่า รู้สึกงงกับข่าวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะหากมีการทาบทามหรือติดต่อมาจริงๆ ตนต้องทราบเรื่อง เพราะบัวขาวมีสัญญาอยู่กับฝ่ายจัดไทยไฟต์
ดังนั้นหากจะไปชกไฟต์ใด ก็ต้องได้รับอนุญาตก่อน ซึ่งตนมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะค่าตัวของปาเกียวต่อการขึ้นชก 1 ไฟต์ ไม่ต่ำกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราวๆ 700-800 ล้านบาท อยากถามว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าตัว และช่วงวันชกไม่น่าจะเป็นไปได้อีกเช่นกัน
เพราะหากผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกไทยไฟต์ บัวขาวก็จะต้องขึ้นชกในรอบชิง ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งคงมีเวลาพักไม่เพียงพอ ขณะทีทาง ปาเกียว เอง ก็มีคิวขึ้นชกไฟต์ล้างตากับ ฮวน มานูเอล มาร์เกซ ชาวเม็กซิโก ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ซึ่งก็จะมีเวลาพักไม่มากเช่นกัน จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามจากการรายงานบทสัมภาษณ์ของบัวขาวนั้น ระบุว่า บัวขาว ยอมรับว่าได้รับการติดต่อทาบทามมาจริง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน และยังไม่รู้ด้วยว่า ทางฝั่งปาเกียวจะตอบตกลงหรือไม่

แหล่งข่าว sanook.com



อดีตลูกเขยทหารพราน 3 จว.ใต้ บุกมาคืนดีอดีตเมียรัก และขอรับลูกชายวัย 10 ขวบไปเลี้ยงดู  แต่ถูกอดีตพ่อตา-แม่ยายกีดกัน ดึกสลักระเบิดดับสยอง ส่วนเพื่อนบ้านเจ็บสาหัสไป 2

 เวลา 18.30 น. วันที่ 1 ต.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ร.ต.อ.ปัณฑิวัฒน์ เพชรหล่อ ร้อยเวรสภ.เมืองตรัง  รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดและมีผู้เสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 86/3 หมู่ที่ 3 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง  หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ  พร้อมด้วย พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง  พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง  และ พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง

 ที่เกิดเหตุที่หน้าบ้านดังกล่าว พบรถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีแดง-ดำ ทะเบียน สกข-275 กทม. จอดอยู่  ส่วนบนถนนในหมู่บ้านพบร่างของผู้เสียชีวิต จำนวน 2 คน  ทราบชื่อคือ จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ จันทร์ประภา อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นอดีต ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองตรัง  และ นายวิศิษฐ์ ชลิตวงศ์วัฒนา อายุ 31ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ที่ 3 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมืองตรัง  โดยทั้ง 2 ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกายจนร่างแหลกเหลว  ใกล้กันยังพบเศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือกระจัดกระจาย  และอาวุธปืนพกลูกซองสั้น จำนวน 1 กระบอก ตกหล่นในที่เกิดเหตุ

 ก่อนเกิดเหตุ นายวิศิษฐ์ ซึ่งเป็นอดีตลูกเขย และปัจจุบันเป็นทหารพรานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ได้มาหา จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ อดีตพ่อตาที่บ้านหลังดังกล่าว  เพื่อมาขอคืนดีกับอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปประมาณ 1 ปีเศษแล้ว  พร้อมกับมารับลูกชายวัย 10 ขวบไปอยู่ด้วย  แต่เมื่อมาถึงพบเพียงอดีตแม่ยาย จึงได้เอ่ยปากขอลูกชาย แต่อดีตแม่ยายไม่ให้  นายวิศิษฐ์ จึงได้เอาอาวุธปืน และระเบิดออกมาข่มขู่  ทางอดีตแม่ยายจึงได้โทรศัพท์ไปหาสามี คือ จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ ให้รีบเดินทางกลับมาที่บ้าน ก่อนแจ้งไปยัง สภ.เมืองตรัง  โดย จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ ได้พูดคุยกับอดีตลูกเขยนานถึง 1 ชั่วโมง  แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง

 ระหว่างนั้น จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ เห็น ด.ต.สมเดช นามเสน ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วยเพื่อนตำรวจชุดสายตรวจ รวม 6 นาย  กำลังขับขี่รถ จยย. จะมาระงับเหตุทะเลาะวิวาทของทั้งคู่ จึงรีบตะโกนเรียกหาให้มาช่วยเหลือ  ทำให้นายวิศิษฐ์ เกิดความไม่พอใจ เดินไปล็อกคออดีตพ่อตา จนเกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขึ้น  ก่อนที่อดีตลูกเขยจะควักระเบิดออกมาจากกระเป๋าสะพาย พร้อมกับถอดสลักออกมา  จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตทันที  นอกจากนั้น สะเก็ดระเบิดยังไปโดน ด.ญ.เบญจภรณ์ บินระพัฒน์ อายุ 4 ปี  และนางนวล หัสวังษ์ อายุ 35 ปี ชาวบ้านละแวกดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย 

แหล่งข่าว ข่าวสด



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 ตุลาคม นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย (มท.2) ในฐานะรักษาการ รมว.มหาดไทย จะมีการนำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เข้าที่ประชุม ครม.กว่า 20 ตำแหน่ง ภายหลังการประชุม ครม.ครั้งก่อน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ไม่ได้เป็นประธานในที่ประชุม มีเพียง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทน โดยมอบหลักการจะไม่นำเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายมาพิจารณา ขณะที่วาระที่น่าสนใจเป็นพิเศษจะเป็นการนำเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายสลับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เกรดบี ไปเกรดเอ แล้วยังมีการโยกย้ายผู้ตรวจราชการกระทรวงออกไปเป็นผู้ว่าฯ
    
               อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้นายยงยุทธ แม้จะประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จนทำให้มีกระแสข่าวการรื้อบัญชีรายชื่อแต่งตั้งดังกล่าว ในการตรวจสอบเบื้องต้นรายชื่อของผู้ว่าฯ ยังไม่มีการขยับแตกต่างไปจากเดิมมากนัก เนื่องจากผ่านการอนุมัติเห็นชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบัญชีรายชื่อส่วนใหญ่ที่อยู่ในสังกัดของ เจ๊ "ด" ผู้กว้างขวาง และกลุ่มของนักการเมือง เช่น นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย หรือกลุ่มรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงมีความเหนียวแน่นไม่มีการขยับแต่อย่างใด และบัญชีรายชื่อจึงเป็นตัวบุคคลที่ได้วางเอาไว้ก่อนหน้านี้
    
               สำหรับรายชื่อที่จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย โผไม่พลิก เด็กเจ๊  "ด" ยังคงติดโผอยู่เช่นเดิม อาทิ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าฯเชียงราย เป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ โดยมี เจ๊ "ด" สนับสนุน เพื่อให้มาเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่บ้านเกิดของตระกูลชินวัตร, นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าฯน่าน เป็นผู้ว่าฯเชียงราย, นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าฯร้อยเอ็ด เป็นผู้ว่าฯนครปฐม, นายประมุข ลมุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯปัตตานี ซึ่งฝ่ายการเมืองต้องการให้เข้าไปดูแลปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นรอง



เลขาธิการศอ.บต. 

               นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ เป็นผู้ว่าฯสมุทรปราการ โดยมี เจ๊ "ด" คอยสนับสนุน, นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯลำพูน หรือนายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯอุบลราชธานี ทั้งนี้ นายวันชัยได้รับแรงหนุนจากนายสุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทยและหัวหน้าทีม ส.ส.อุบลราชธานีของพรรคเพื่อไทย นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าฯระนอง เป็นผู้ว่าฯชุมพร

               นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ เป็นผู้ว่าฯขอนแก่น โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยผลักดัน, นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ ปทุมธานี โดยมีรายงานว่า นายศิริพงษ์ไปร้องขอนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย และส.ส.ปทุมธานี ด้วยตัวเอง นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯระยอง เป็นผู้ว่าฯอุดรธานี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม หัวหน้าทีมอุดรธานี และแกนนำคนเสื้อแดงอุดรธานี ของนายขวัญชัย ไพรพนา ก็หนุนหลัง นอกจากนี้จะมีการโยกย้ายนายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ตามที่ได้ร้องขอมา โดยมีนายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าฯ สกลนคร ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นรองปลัดกระทรวง เป็นต้น


เผย“ตู่”ส่อแห้วรมต.มหาดไทย


               ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ภายหลังที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้ลาออกจาก ตำแหน่งรองนายกฯและรมว.มหาดไทย จนมีแคนดิเดต รมว.มหาดไทยปรากฏออกมานั้น ล่าสุดมีชื่อของนายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย มาดำรงตำแหน่ง

               แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย หรือบิ๊กอ้วน จะมาดำรงตำแหน่ง เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งเลขานุการรมว.มหาดไทยในช่วงที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรมว.มหาดไทยแล้ว และยังมีความสนิทสนมได้รับความไว้วางใจจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก ขณะที่ชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ อดีต ผบ.ตร. แนวโน้มน่าจะได้เป็นรองนายกฯ 

               ส่วนนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการรมว.มหาดไทย ล่าสุดจะขยับมานั่งเป็นประธานคณะทำงานที่ปรึกษารมว.มหาดไทย เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ว่าง เพื่อคอยกลั่นกรองงานของรัฐมนตรีมากว่า ส่วนกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงนั้น จะไม่มานั่งในตำแหน่งรมช.มหาดไทย(มท.3) หากนายจตุพรต้องไปเป็นรัฐมนตรีในงานที่ดูแลสังคมจะเหมาะสมกว่า 

 ส.ว.งงรบ.ส่งเอกสารใบเดียวให้สภาถก"นาซ่า"

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทำหนังสือแจ้งที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่าขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อพิจารณาเรื่องการอนุญาติให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เข้ามาดำเนินการศึกษาการก่อตัวของเมฆ ที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศ ตาม รธน. มาตรา 179 นั้นสมาชิกวุฒิสภาหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและต้องหารือกับที่ประชุมร่วมรัฐสภา เป็นเรื่องที่มีความสำคัญแต่กลับไม่มีเอกสารรายละเอียดของโครงการ ซึ่งไม่แน่ใจในความตั้งใจของวรัฐบาลที่เสนอให้เปิดอภิปรายเรื่องดังกล่าว

               ขณะที่นายคำณูณ  สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา  กล่าวว่าตนได้รับแจ้งว่าจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารแผ่นเดียวเท่านั้น
ปชป.เตรียมส่งกษิต-ถาวร เชือด

               นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่จะเป็นคนหลักในการอภิปรายเรื่องนี้คือ นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการประทรวงต่างประเทศ และนายถาวร เสนเนียม สส.สงขลา โดยประเด้นหลักคือจะชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องความมั่นคง และจำเป็นจะต้องนำเข้ารัฐสภาเพื่อขอความเห็นชขอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190

แหล่งข่าว เดลินิวส์
บทความที่ใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก