วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555


คลิปเป็นข่าว : ข้ามถนนระวัง ไม่งั้นโดนชนกระเด็น น่ากลัว!


"จับหนุ่มใหญ่" ลวงนักเรียนหญิงข่มขืน-อ้างเด็กยังไม่เก่งต้องนวดคลายเส้น

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ก.ย. พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยนายเบิด (นามสมมติ) บิดาของเหยื่อสาว เดินทางมายังสภ.คูคต เพื่อชี้ตัวนายสมคิด ขจรศักดิ์เลิศ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 922/55 ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยปราศจากเหตุอันควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่ออนาจาร เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพเนื่องจากจำนนต่อหลักฐานกล้องวงจรปิดของโรงแรมมัดตัว

 นายเบิด บิดาของด.ญ.มิ้ง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี นายสมคิด ขจรศักดิ์เลิศ อายุ 45 ปี โค้ชผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอล ล่อลวงบุตรสาวไปบังคับข่มขืนในโรงแรม เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ซึ่งเป็นวันหยุดเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบโดยโทร.มาหาและอ้างว่าเพื่อนๆ และพี่ๆ ในกลุ่มวอลเลย์บอลเก่งกันหมดแล้ว เหลือแค่บุตรสาวยังไม่เก่ง อยากให้ไปพบที่หน้าห้างโลตัส คลองสี่ จะพาไปนวดคลายเส้น ด.ญ.มิ้งหลงเชื่อออกไปพบกลับขับรถพาไปที่โรงแรมย่านลำลูกกาและเปิดหนังโป๊ให้ดูและลงมือข่มขืนแล้วพามาส่งหน้าหมู่บ้าน รวมทั้งขู่ไม่ให้บอกใคร บุตรสาวนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษาเพื่อนก่อนนำเรื่องมาบอกตนและพาเข้าแจ้งความที่สภ.คูคต แต่เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและคดีจะล่าช้าจึงไปร้องมูลนิธิปวีณา

 จากการสอบสวนนายสมคิดให้การรับสารภาพว่าเป็นโค้ชอาสาอยู่ที่โรงเรียนมา 6-7 ปี ขอรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไปและยอมรับว่าล่อลวงเด็กสาวไปจริง พร้อมทั้งก้มไหว้ขอขมาบิดาเหยื่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสมคิดเข้าห้องขัง ก่อนส่งศาลดำเนินคดีต่อไป 



แหล่งข่าว ข่าวสด


2โจรงัดพิพิธภัณฑ์หลวงปู่เอี่ยม ขโมยพัดยศอันล้ำค่า หวังเอาอีกโดนพระลุมจับ

 เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 28 ก.ย. พ.ต.ท.โสภณ เนตรสว่าง สวป.สน.บางขุนเทียน รับแจ้งจากพระลูกวัดวัดหนังราชวรวิหาร ถ.วุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ว่าจับกุมตัวผู้ต้องหาลักทรัพย์ภายในวัดได้พร้อมของกลางหลายรายการ จึงรุดตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ สว.สส. ร.ต.อ.ภีรชาติ คุ้มสังข์ รองสว.สส. และอปพร.เขตบางบอน

 ที่เกิดเหตุบริเวณข้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่เอี่ยม พบพระลูกวัด 6 รูปกำลังคุมตัวนายสมบูรณ์ นากัณหา อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.5 ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และนายไพบูลย์ ปรีพลู อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 ม.14 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ สภาพศีรษะแตก เลือดท่วมตัว พร้อมของกลางรถตู้โตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน ตศ 6764 กรุงเทพฯ ภายในรถพบตู้พระไตรปิฎก สมัยรัชกาลที่ 3 พัดยศด้ามงาช้างสมัยรัชกาลที่ 5 ของหลวงปู่ผล อดีตเจ้าอาวาส พร้อมโต๊ะรองขาตั้งพระพุทธรูปไม้ 1 องค์ อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .22 พร้อมกระสุนปืนขนาดเดียวกัน 6 นัด ไขควง 6 อัน มีดพก 1 เล่ม ชะแลง คีมตัดเหล็ก กระสอบ และถุงมือ

 พระครูสมุห์พา ยุตตจาโร พระลูกวัดให้การว่า ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. ได้ยินเสียงคนเดินและเสียงเคลื่อนย้ายตู้ภายในพิพิธภัณฑ์หลวงปู่เอี่ยม จึงรีบลุกขึ้นไปดูพบคนร้าย 2 คนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพง จึงโทรศัพท์ปลุกพระลูกวัดรูปอื่นที่อยู่ในกุฏิใกล้กันออกมาช่วยตามจับ โดยนายสมบูรณ์เมื่อเห็นพระออกมาหลายรูปจึงยอมให้จับกุมแต่โดยดี ส่วนนายไพบูลย์พยายามต่อสู้และวิ่งหลบหนี แต่สะดุดขาตัวเองหกล้มหน้าผากกระแทกพื้นจนเลือดอาบ จึงถูกจับกุมในที่สุด

 เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การว่า มีอาชีพค้าของเก่าที่ตลาดมืด ย่านคลองถม มักตระเวนขโมยวัตถุโบราณและพระเก่าไปขายที่ย่านคลองถม โดยครั้งนี้เข้าไปขโมยของมีค่าภายในพิพิธภัณฑ์หลวงปู่เอี่ยม และขนออกไปเก็บไว้ในรถตู้แล้ว แต่เกิดความโลภอยากได้ของมีค่าอีกเพื่อให้คุ้มค่าเหนื่อย จึงย้อนกลับมาลงมือซ้ำแต่พลาดโดนพระลูกวัดจับกุมตัวได้ดังกล่าว

 ต่อมาเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ อินทรพงษ์ รอง ผกก.ป. พร้อมด้วย พระวิเชียรโมลี เจ้าอาวาสวัดหนังราชวรวิหาร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสมบูรณ์และนายไพบูลย์ โดยพ.ต.อ.ภาดลเปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งคู่ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะและมีอาวุธปืนจากการเช็กประวัติยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรู้จักกันมานานแล้วเคยถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมตัวข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในวัดตลิ่งชัน เมื่อปี พ.ศ.2542 นอกจากนี้ยังมีประวัติเสพยาและพยายามบุกรุกในเคหสถานเพื่อลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อปี พ.ศ.2554

 ด้านนายสมบูรณ์ให้การว่า รู้จักเป็นเพื่อนสนิทกับนายไพบูลย์มาเป็นเวลานานแล้ว โดยนายไพบูลย์เป็นมัคนายกวัดดาวคะนอง ย่านบุคคโล ส่วนตนมีอาชีพรับจ้างขับรถและเปิดโรงงานเย็บผ้าเล็กๆ ที่จ.สมุทรปราการ เมื่อไม่มีเงินใช้จึงชักชวนกันไปลักทรัพย์ตามวัดต่างๆ โดยจะนำไปขายที่ท่าพระจันทร์และตลาดคลองถม ที่วัดหนังราชวรวิหาร ร่วมกันก่อเหตุมาแล้วรวม 3 ครั้ง โดยก่อนลงมือเมื่อขับรถเข้าไปในบริเวณวัด จะจุดธูปขอขมาบอกเจ้าที่เจ้าทางคนละ 9 ดอก แล้วลงมือใช้ไขควงงัดประตูพิพิธภัณฑ์บุกเข้าไปขนของออกมา แต่ครั้งนี้พลาดถูกจับได้เสียก่อน

 พระวิเชียรโมลี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีคนร้ายเข้ามาลักตู้เก็บพระไตรปิฎกสมัย รัชกาลที่ 3 และ รัชกาลที่ 5 หายไปเกือบสิบตู้แล้วแต่ไม่เคยจับได้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถจับกุมตัวได้ในจุดเกิดเหตุ สำหรับพัดยศงาช้างด้ามดังกล่าวเป็นของเจ้าอาวาสรูปเดิมที่รับพระราชทานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นของเก่าที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยหลังจากนี้กำลังหารือกับกรรมการวัด ว่าจะมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยและกล้องวงจรปิด หากจำเป็นคงต้องจัดเวรยามให้พระภิกษุภายในวัดช่วยกันดูแลทรัพย์สินในพิพิธภัณฑ์ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย 


แหล่งข่าว ข่าวสด


จับเจ้าบ่าวกำมะลอ อ้าง! เป็นดีเอสไอ.ตุ๋นสาวแต่งงาน
 วันนี้ ( 28 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ ผกก.6 บก.ป.พร้อมกำลัง ได้เข้าจับกุม นายปัทฐพงศ์  เขื่อนทอง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.2 ต.ชุมพล อ.องครักษ์ จ.นครนายก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ข้อหาลักทรัพย์  โดยจับกุมได้ที่ในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล  
       
       ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา  นายปัทฐพงศ์  หลอกลวง  น.ส.ปวีนา สุวามีน อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.1 บ้านฉลุง ต.เจ๊ะบิลัง จ.สตูล แต่งงาน โดยมีแขกเหรื่อมาร่วมงานประมาณ 400 - 500 คน พร้อมจัดอาหารเลี้ยงอย่างดีในราคารวมประมาณ 50,000 บาท แต่ปรากฏว่าหลังจากพิธีแต่งงานจบลง นายปัทฐพงศ์  ได้หนีหายไป โดยอ้างว่าจะไปตามพ่อ-แม่ที่รถเสียอยู่ที่หน้าห้างเทสโก้โลตัส ต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน  โดยมีเจ้าสาวติดตามไปด้วย จากนั้นทั้งคู่ออกจากบ้านพร้อมกับนำแหวนทองคำ 1 วง สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น รวมน้ำหนัก 3 บาทที่ใช้ในงานแต่งงานมาด้วย ก่อนขึ้นรถขับออกมาถึงบริเวณห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาควนโดน จากนั้นผู้ต้องหากลับนำทรัพย์สินดังกล่าวหลบหนีไป โดยทิ้งให้ เจ้าสาวกลับบ้านไปเพียงลำพังและต้องยกเลิกงานแต่งงานจนเป็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กระทั่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้
       
       ต่อมา ด.ต.สุทธินันท์ อนันธขาล และ ด.ต.จิต จิเบ็ญจะ ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป.ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในโครงการ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” ได้ประสานข้อมูลและวางแผนสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทราบว่าหลบหนีไปอาศัยอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนวางแผนนัดให้มาพบกับเจ้าสาวในพื้นที่ อ.ควนโดน แล้วเข้าจับกุมตัวไว้ได้
       
       จากการสอบสวน นายปัทฐพงศ์ ให้การว่าได้นำทรัพย์สินซึ่งเป็นทองคำ คืนให้กับญาติของเจ้าสาวไปแล้ว แต่จากการตรวจสอบพบว่ากลับนำไปขายแล้วซื้อโทรศัพท์แล้ว ส่วนทองที่นำไปคืนให้เจ้าสาวนั้นเป็นเพียงทองปลอม ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้คุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนโดน รับไว้ดำเนินคดีต่อไป

ขอบคุณ www.manager.co.th


ปม ปริศนา อ้าง! วิญญาณผัวเมีย ชี้ถูกฝังไกล้ก่อไผ่
พ่อเตรียมให้หมอพรทิพย์ ตรวจโครงกระดูกอีกครั้งเชื่อเป็นลูกชาย เผยมีจม.ปริศนาส่งถึง อ้างสื่อสารวิญญาณได้ บอกศพถูกฝังอยู่ในไร่ใกล้กอไผ่ที่ขุดเจอศพอื่น
นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย ลูกชายที่สูญหายไปพร้อมกับภรรยา เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. หลังทางโรงพยาบาลตำรวจ ออกมาแถลงผลตรวจโครงกระดูทั้ง 3 โครง ที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ไม่ใช่ลูกชายที่หายไป ว่าอย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่า โครงกระดูกที่พบเป็นของลูกชาย เนื่องจากเสื้อที่ใส่ตรงกัน และอายุโครงกระดูก 40-50 ปี ซึ่งคนงานในไร่ไม่มีคนอายุช่วงดังกล่าว แม้เชื่อว่าทางโรงพยาบาลตำรวจ จะตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่ต้องการความกระจ่าง จึงได้ประสานโดยตรงไปยัง พ.ญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำโครงกระดูกทั้งหมดไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกันอีกครั้ง ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น
.
อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจทั้ง 2 ที่ตรงกัน เราก็จะยอมรับผล โดยคงวอนให้ทางตำรวจดำเนินการหาต่อเนื่อง จากคำให้การพยานที่ยืนยันว่าศพยังอยู่ในไร่ เนื่องจากต้องการศพลูกเพื่อนำมาทำพิธีทางศาสนา โดยคิดว่าน่าจะมีผู้อื่นร่วมก่อเหตุในการหายตัวไปของลูกชาย ต้องการให้ตำรวจสืบสวน และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวนี้นายสว่าง ได้นำจดหมายที่มีชาวกรุงเทพมหานคร ส่งมาให้กำลังใจ โดยในจดหมายมีเนื้อหาระบุว่า "ได้สื่อสารกับวิญญาณของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา และเจ้าของจดหมายได้มีโอกาสพูดคุยกับวิญญาณ โดยทั้ง 2 บอกว่าถูกฆาตรกรรมด้วยฝีมือของหมอ และพวกรวม 4 คน และอีกไม่นานเรื่องคงถูกเปิดเผย

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นเป็นเรื่องเก่าที่เคยบาดหมางกัน และเรื่องผลประโยชน์บางอย่างที่นายสามารถไม่ได้เล่าให้ฟังว่า เรื่องอะไร และนายสามารถ ถูกยิงบริเวณศีรษะจนเสียชีวิต ส่วน น.ส.อรษา ก่อนจะโดนฆ่าตายได้พยายามร้องขอชีวิต แต่ถูกต่อยท้องจนสลบก่อนที่จะถูกคนร้ายนำผ้าอุดปากอุดจมูกจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต"

เนื้อหาในจดหมายยังระบุอีกว่า "ศพของทั้ง 2 อยู่ในไร่ใกล้กอไผ่ที่ขุดเจอศพอื่น ขณะนี้ดวงวิญญาณยังอยู่ที่ขุดเจอศพคนอื่น และอยากให้พ่อแม่นิมนต์พระไปเรียกดวงวิญญาณของเขาทั้ง 2 ออกไปจากที่ตรงนั้น โดยวิญญาณได้ฝากบอกถึงพ่อและแม่ว่าเขาเสียใจที่มาโดนฆ่าตายเขาเป็นห่วงลูกของเขามาก อยากให้พ่อกับแม่ช่วยดูแลลูกของเขาด้วย อีกทั้งในจดหมายได้เขียนให้กำลังใจ และเน้นย้ำให้นำพระไปประกอบพิธีเรียกวิญญาณของสองสามีภรรยาด้วย"

แหล่งข่าว sanook.com

จัดหนัก! โอ๊คอัด อภิสิทธิ์ ปากว่าตาขยิบ

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีข้อความระบุว่า
เมื่อวานหลังจากที่ผมโพสต์ทวงถามสามัญสำนึกของคนที่น่าจะอยู่เบื้องหลังการจัดม็อบ ไปชนกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปให้กำลังใจคุณดารุณี ที่กองปราบฯ โดยที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีคนหน้าคล้ายพิธีกรช่องบลูสกาย ปลุกระดมคนไปเผชิญหน้ากันนั้น
วันนี้ปรากฏว่ามีหลักฐาน และมีการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องเดียวกันนี้ ซึ่งจะขอนำทั้ง 2 ส่วน มาต่อเป็นจิ๊กซอว์ให้เห็นภาพรวม เพื่อทุกท่านจะได้ร่วมกันวิเคราะห์ว่า 2 เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นเรื่องที่พรรคปชป. กับช่องบลูสกาย ร่วมมือกันจัดตั้งให้กลุ่มคนที่หม่อมเต่านา พูดว่า “น่าเป็นห่วงที่สุดคือคนที่รักในหลวงจนเสียสติ” ไปตีกัน โดยมีเสื้อ “ทรงพระเจริญ” มาล่อใจหรือไม่ ดังนี้ครับ
1. มีหลักฐานว่ามีการปลุกระดมในช่องบลูสกายจริงๆ โดยนัดให้คนที่อยากได้เสื้อทรงพระเจริญไปรับเสื้อที่พิธีกรช่องบลูสกาย ที่หน้ากองปราบในวันและเวลาที่กลุ่มคนเชียร์คุณดารุณี กำลังชุมนุมกันอยู่ ซึ่งในข้อนี้ผมถือว่าเป็นเจตนาร้าย เพื่อให้คน 2 กลุ่มเผชิญหน้ากัน โดยมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอ ซึ่งในตอนท้ายยังบอกด้วยว่า ให้ใส่เสื้อกลับบ้านไปและวันหลังจะชวนมาอีก โดยเรียกกลุ่มนี้ว่า “กลุ่มทรงพระเจริญ” คลิปไม่ยาวครับ ประมาณ 30 วิ. ตาม link นี้ครับ
 2. นายอภิสิทธิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ตำหนิว่า รมว.กห. ว่าเห็นเป็นเรื่องเล็กได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาจลุกลามบานปลาย ทุกคนต้องช่วยกัน และตำหนิตำรวจว่าสร้างปัญหา ไม่มีแผนแยกคน 2 กลุ่มออกจากกัน และออกตัวแทนผู้ต้องหาว่า ประโยคที่ต่อว่านั้น เป็นประโยคคำถาม ยังไม่ได้หมิ่นประมาท ตาม link นี้ครับ
http://www.thairath.co.th/content/pol/294004




เผย!! ลูกสาวเลสเบี้ยนเศรษฐีฮ่องกง ปวดหัวหนุ่มแห่จีบนับพัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีจี้ เชา ลูกสาวของนายเซวิล เชา มหาเศรษฐีฮ่องกง เปิดเผยว่า ขณะนี้เธอต้องปวดหัวกับข้อเสนอจำนวนมาก รวมทั้งภาพนู้ด ของเหล่าชายที่เสนอตัวจะจีบเธอ ตามข้อเสนอของบิดาเธอที่พร้อมจะมอบเงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (2 พันล้านบาท) ให้แก่หนุ่มที่สามารถจีบเธอซึ่งมีพฤติกรรมเป็นเลสเบี้ยน และอยู่กินกับแฟนทอมได้ โดยข้อเสนอดังกล่าวทำให้ตอนนี้มีผู้ชายกว่า 1,500 ราย เสนอตัวจะจีบเธอผ่านทางทวิตเตอร์ ยูทูป รวมทั้งเฟซบุ๊กของเธอ ซึ่งมีผู้คนเข้าไปโพสต์เป็นจำนวนมาก โดยเธอบอกว่าข้อเสนอที่เยอะมากมายขนาดนี้ ทำให้เธอไม่พิจารณามันได้อย่างเป็นเรื่องราว และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

นอกจากนี้ข้อเสนอเหล่านี้ยังรวมทั้งภาพนู้ดจากเหล่าหนุ่ม ๆ รวมทั้งสถานะการเงินของพวกเขา โดยเธอได้รับข้อเสนอเหล่านี้จากทั่วโลก รวมทั้งจากโอคลาโฮมา ไนจีเรีย อินเดีย ตุรกี และบัลกาเรีย รวมทั้งหนุ่มธนาคารในหลายประเทศที่เสนอตัวจีบเธอด้วย

อย่างไรก็ตาม จีจี้ บอกว่า แม้จะต้องเจอเรื่องปวดหัวนี้ แต่เธอก็ซาบซึ้งกับการกระทำของบิดา ที่ใส่ใจเธอ ซึ่งเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่มีพ่อที่น่ารักเช่นนี้ เพราะสิ่งที่เขากระทำมาจากความรักของคนเป็นพ่อ และว่าเธอรักพ่อของเธอ ซึ่งเธอและเขามีความสัมพันธ์ที่ดี และพ่อเธอก็ไม่ใช่ว่ายอมรับเธอไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่สามารถยอมรับการที่สังคมมองเธออย่างไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายตามวิถีของคนทั่วไป

คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป

แหล่งข่าว sanook.com

รักชั่วนิรันดร์!! พ่อจีนแช่ศพลูกไว้ดูต่างหน้านานถึง 6 ปี

เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ไชน่านิวส์ เปิดเผยเรื่องราวสุดอึ้งของพ่อจีนรายหนึ่ง เก็บศพลูกชายแช่แข็งไว้นานถึง 6 ปี เหตุทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกชายไป หลังจากที่ก่อนหน้านั้นก็ได้สูญเสียลูกสาวไปแล้ว

          คุณพ่อรายนี้ คือ นายเถียน เสวียหมิง ช่างไม้วัย 60 ปี จากเมืองไกเสียน มณฑลฉงชิ่งของจีน ได้เก็บศพลูกชายวัย 18 ปี แช่แข็งไว้นานถึง 6 ปี เพื่อเอาไว้ดูต่างหน้าเวลาที่คิดถึงลูกชายอันเป็นที่รัก หลังจากลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคลูคีเมียเมื่อปี 2549

          รายงานระบุว่า ก่อนหน้าที่ลูกชายของเขาจะเสียชีวิต นายเถียนยังมีลูกสาวซึ่งเป็นลูกคนโตอีก 1 คน เขารักลูกทั้งสองมาก ถึงกับออกจากงานประจำมาทำหน้าที่พ่อบ้านอย่างเต็มตัว และมีเวลาดูแลลูกทั้งสองอย่างเต็มที่ พร้อมจะทุ่มเทให้กับลูก ๆ อย่างถึงที่สุด เท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำได้

          แต่แล้วเมื่อ หยิงหยิง ลูกสาวของเขาอายุได้ 15 ปี เธอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคปริศนา ทำให้เขาเสียใจมาก และทุ่มความหวังทั้งหมดให้กับลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว แต่โชคชะตาก็กลั่นแกล้งเขาอีกครั้ง เพราะในปี 2549 หลังจากลูกสาวของเขาเสียชีวิตได้ 9 ปี เขาก็ต้องสูญเสียลูกชายที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ไปอีกคน หลังถูกส่งตัวกลับมานอนรอความตายอยู่ที่บ้านด้วยโรคลูคีเมียระยะสุดท้ายที่ไม่อาจรักษาได้

          การสูญเสียครั้งนี้ทำให้เขาหัวใจสลาย ไม่อาจทำใจได้ เขาจึงปรึกษากับภรรยา และทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าจะเก็บศพลูกชายใส่ตู้แช่แข็งไว้ ไม่ได้คิดถึงการนำศพลูกไปฝังแม้แต่น้อย และไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกชายด้วย แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ชาวบ้านในหมู่บ้านก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ และร่ำลือกันว่าเขาเก็บศพลูกชายไว้ในบ้านนานหลายปี ขณะที่เพื่อนของเขาบางคนก็พยายามบอกให้เขานำศพลูกไปประกอบพิธีและฝังศพ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าเพื่อนหวังดี แต่กระนั้น เขาก็ทำไม่ลง โดยเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า

          "ผมรู้ว่ามันผิด มันส่งผลในแง่ลบต่อเพื่อนบ้านผม แต่ผมสูญเสียลูกทั้งสองคนเลยนะ ไม่มีใครเคยเข้าใจหัวอกของผม ความเจ็บปวดที่ผมได้รับหรอก ผมจะเก็บลูกไว้อย่างนี้ อย่างน้อยผมก็สามารถมองเห็นเขาได้ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเขา" นายเถึยนกล่าว



คลิปเป็นข่าว : สุดยอดรถ  Ford Focus 2012 ทดสอบเสี่ยงตาย

ฤกษ์ยามของ Motorshow เป็นอะไรที่วิเศษสุดๆเพราะรถเปิดตัวกันตรึมเลยจริงๆ วันนี้มาถึงคิวของ The All New Ford Focus (SYNC) 2012
ที่เปิดตัวไปในงานนี้แล้ว พร้อมให้ชมภายในแบบพิเศษก่อนใครทำให้คิวยาวเยียดกันเลยทีเดียว โดยจะจัดจำหน่ายในปีนี้แน่นอนแล้ว
คุณสามารถเยี่ยมชมความสวยงาม ของThe All New Ford Focus (SYNC) 2012  มีทั้งแบบ 4 และ 5 ประตู (sadan and hatchback)ภายในเว็บ Autozeed  

    และวันนี้เราจะไปดูผลการทดสอบ Ford Focus 2012 กันครับ



ขอบคุณข้อมูล Youtube.com

รายการ เจาะข่าวเด่น (ลวงด้วยศรัทธา...รักษาโรค ตอนที่2) 28 กันยายน 2555
  ออกอากาศ เวลา 17.40 น. ทางช่อง3  



จับตัว ครูผช.พละหื่นลวงนร.14 ข่มขืนยับ!
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 28 ก.ย.55 พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ปทุมธานี  นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี  พร้อมด้วย  พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต พ.ต.ท.กรณ์เสฏฐ์ วงศ์สีชิน รอง ผกก (สส) สภ.คูคต พ.ต.ท.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผกก(ป) สภ.คูคต พ.ต.ท.ปรากฎ นาคใหญ่ สว.สส.สภ.คูคต  ได้ร่วมกันจับกุม นายสมคิด ขจรศักดิ์เลิศ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 922/ 55 ลงวันที่ 27 ก.ย.55 ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเสียจากบิดา มารดรา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่ออนาจาร พร้อมของกลางรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน บจ 316 ปทุมธานี

 ทั้งนี้ พฤติการณ์กล่าวคือเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา นางบี นามสมมุติ มารดา ของ ด.ญ. เอ นามสมมุติ  ได้ร้องมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมได้พา ด.ญ.เอ อายุ 14 ปี มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมคิด ขจรศักดิ์เลิศ ผู้ต้องหา อายุ 45 ปี ครูผู้ช่วยสอนโรงเรียนมัธยม ชื่อดังย่าน อ.ธัญบุรี ที่ ด.ญ.เอ กำลังศึกษาอยู่
               โดย ด.ญ.เอ ให้การว่า นายสมคิด เป็นครูผู้ช่วยสอนวิชาพละศึกษา อยู่ที่โรงเรียนที่ ด.ญ.เอ เรียนอยู่ โดยเหตุเกิดในวันที่ 19 ก.ย.  นายสมคิด ขับรถยนต์พา ด.ญ.เอ ออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำธุระ   และรับปากว่าจะพามาส่งที่บ้าน แต่กลับพาไปที่โรงแรม แล้วบังคับให้ ด.ญ.เอ ร่วมเพศ จนสำเร็จความใคร่ จากนั้นได้พากลับเข้าไปโรงเรียนโดยกำชับไม่ให้บอกเรื่องดังกล่าวกับใคร
                ทั้งนี้ ต่อมา นางบี (นามสมมุติ) สังเกต เห็น ด.ญ.เอ มีอาการผิดปกติ ซึมเศร้า จึงได้สอบถาม ด.ญ.เอ ก็ไม่ยอมบอกเมื่อซักถามมากขึ้น ด.ญ.เอ จึงได้ยอมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง นางบี  จึงได้ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาตนและ ด.ญ.เอ เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้รวมรวบพยานหลักฐาน ออกหมายจับ นายสมคิด ขจรศักดิ์เลิศ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 922/ 55 ลงวันที่ 27 ก.ย. 55 ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบหาปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบหาปีเสียจากบิดา มารดรา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่ออนาจาร
               ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ตามหมายจับ พร้อมด้วยรถยนต์ของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ด้านผู้ต้องหายังไม่ยอมให้ปากคำใดๆกับเจ้าหน้าที่

แหล่งข่าว www.komchadluek.net

ไปไม่รอด FA แบน เทอร์รี่ 4 นัด ปรับ 2 แสน
จอห์น เทอร์รี ปราการหลังตัวเก่งของ เชลซี ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ สั่งลงโทษห้ามแข่ง 4 นัด พร้อมทั้งปรับเงินอีก 220,000 ปอนด์ จากโทษวาจาเหยียดผิวต่อ แอนทอน เฟอร์ดินานด์ นักเตะของ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ระหว่างการเจอหน้ากันในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อเดือน ต.ค. 2011 ที่สนาม ลอฟตัส โรด
อย่างไรก็ตาม กองหลังวัย 31 ปี พ้นจากการตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว จากการตัดสินของศาล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และยังมีเวลาอีก 14 วัน ในการยื่นอุทธรณ์ ดังนั้นจึงยังเป็นข่าวดีว่า “เจที” จะสามารถลงสนามในศึกพรีเมียร์ชิป นัดสำคัญกับ อาร์เซนอล สุดสัปดาห์นี้
แถลงการณ์ของสมาคมลูกหนังเมืองผู้ดี เผยว่า “คณะกรรมการอิสระพบว่า จอห์น เทอร์รี มีความผิดฐานล้อเลียน และการกล่าววาจา หรือแสดงพฤติกรรมเหยียดผิวต่อ แอนทอน เฟอร์ดินานด์ ผู้เล่นของ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2011 จึงขอสั่งลงโทษ ห้ามลงแข่งขันเป็นเวลา 4 นัด และปรับเงิน 220,000 ปอนด์”
แหล่งข่าว Mthai.com




ฮือฮา!! บราซิล จัดประกวด นางงามก้นสวย 
เว็บไซต์ AFP รายงานการจัดประกวดนางงามก้นสวยแห่งประเทศบราซิล หรือ Miss Bumbum Brazil 2012 โดยจะรวบรวมคะแนนจากการโหวตผ่านอินเตอร์เน็ต และประกาศผลในช่วงเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา ผู้เข้าประกวดทั้ง 27คน ได้โพสต์ท่าให้ช่างภาพเก็บภาพ และบันทึกรายการโทรทัศน์ ที่แถบชานเมืองเซาเปาโล พวกเธอจะถูกโหวตจนเหลือ 15 คนสุดท้ายผ่านทางเว็บไซต์ ก่อนจะประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 30 พฤศจิกายน นี้



คลิปจาก youtube
ข้อมูลจาก Mthai.com

ดังไปแล้ว!! ใบเตยอัพเกรดเป็นไฮโซ
เป็นช่วงรับทรัพย์จริงๆ สำหรับนักร้องสาวที่ไม่ได้มีดีแค่เสียง"ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน" เพราะทั้ง งานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต ถ่ายแฟชั่น งานแสดง She เหมาหมด แถมช่วงนี้ดูเหมือนสาวใบเตยจะหันไปหยิบจับสินค้าแบรนด์เนมมาประดับบารมี เพิ่มออาร่าให้ตัวเองอีกด้วย!! แหม...นี่ขนาดไม่ถึงปียังรับทรัพย์อื้อซ่าขนาดนี้ เห็นทีปีหน้า มีหวังได้เห็นสาวใบเตยเป็นเศรษฐีนีแน่นอนจ้า!!

คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป

คลิกชมภาพต่อไป

แหล่งข่าว sanook.com


พี่ชายพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผวากลัวไม่ปลอดภัย ขอ ตร.คุ้มครอง!
จากกรณีที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีหายตัวของสองสามีภรรยาที่ จ.เพชรบุรี ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เมื่อวันที่ 27 กันยายน โดยมี พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และชุดพนักงานสอบสวนเข้าทำการสอบปากคำ โดยเบื้องต้นขอให้ปิดสถานที่ในการให้ปากคำ ทำให้สื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวตลอดทั้งวันไม่พบตัวและมาทราบในช่วงเย็นว่า มีการสอบปากคำที่ชั้น 2 ภายในโรงแรมรอยัล ไดมอน จ.เพชรบุรี โดยสาเหตุที่มีการปกปิดผู้สื่อข่าวและย้ายสถานที่สอบสวน เนื่องจากนายสุเทพเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย ทั้งนี้การสอบปากคำเริ่มตั้งแต่ 11.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. รวมนานกว่า 10 ชั่วโมง หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น
นายสุเทพเปิดเผยว่า วันที่ 28 กันยายน มาให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับรถยนต์ตู้ ที่มีชื่อตนเป็นเจ้าของ แต่ไปพบจอดอยู่ภายในบ้านพักของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และตรวจค้นอาวุธปืนได้ภายในรถถึง 12 กระบอก ตนได้นำหลักฐานมาแสดงว่า ตนเองได้ขายรถคันดังกล่าวให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ไปนานหลายปีแล้ว นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาการให้ข้อมูลและเบาะแสกับพี่สาวของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ รพ.ตำรวจ และเป็นคนคอยดูแลแม่เมื่อมาที่ รพ.ตำรวจ เป็นข้อมูลเดียวกับที่เคยให้ข่าวกับสื่อไปแล้วว่า ขณะที่ได้คุยกัน พี่สาวนายสามารถได้สอบถามว่า พอจะทราบหรือไม่ว่าถ้าคุณหมอจะนำพี่ชายและพี่สะใภ้พร้อมรถยนต์ไปซุกซ่อน คุณหมอจะไปซ่อนที่ไหน ซึ่งตนก็ตอบไปว่า น่าจะไปดูที่บ้านที่นนทบุรี ซึ่งเคยเป็นบ้านที่คุณแม่อยู่ จากนั้นระยะหนึ่งก็พากันไปดูและไปพบรถยนต์คันดังกล่าว โดยที่ตนเองก็ไม่รู้จักสองสามีภรรยานี้มาก่อน แต่เมื่อมาเจอรถยต์ มันก็ทำให้พี่สาวของสองสามีภรรยา และผู้เป็นพ่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมด จนมีการออกหมายจับหมอสุพัฒน์
"ในส่วนของความขัดแย้งระหว่างตนกับน้องนั้นไม่มี มีแต่ที่น้องไปยื่นต่อศาลขอให้คุณแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถและขอเป็นผู้อนุบาล ซึ่งเมื่อครอบครัวทราบเรื่องตนจึงเป็นตัวแทนของครอบครัวยื่นคัดค้านต่อศาลเท่านั้นเอง ส่วนคดีที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้ทำคนนั้นก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า การดำเนินคดีเมื่อน้องเป็นคนทำ ก็คือน้องทำ จะให้คนอื่นเป็นคนทำได้อย่างไร น้องต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าน้องไม่ได้ทำ หรือหากเป็นคนทำ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นคนทำ ส่วนที่ถามว่าจะไปเยี่ยม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์หรือไม่นั้น ขณะนี้ภายในครอบครัวเรากลัวน้อง หากไปพบก็อาจจะทำให้ขยายความร้าวลึกขึ้นไปใหญ่ และข้อมูลทั้งหมดได้ให้ปากคำไว้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ตอนนี้ตนเองก็ต้องขอความคุ้มครองปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่บ้านพักตนเองก็ติดกล้องวงจรปิดไว้รอบบ้าน
จากนั้นนายสุเทพจึงได้ขอตัวขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับ โดยมีรถยนต์ตำรวจขับนำและคุ้มครองไปส่งจนถึงบ้านพักในกรุงเทพมหานครต่อไป


ขอบคุณ sanook.com

สลดซ้ำ!! สาวแอร์โฮสเตสปฏิเสธเลี้ยงแม่แท้ๆ อดีตเจ้าแม่พัฒน์พงษ์

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (26 ก.ย.) นายพรนิมิตร สายเทพ ปลัดอำเภอเมืองลำปาง, นายชัยวัฒน์ นันต๊ะกูล ปลัด อบต.พิชัย อ.เมืองลำปาง, นางสุชาดา ตุลาพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านต้นมื่น ม.14 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง และนางคนึงนิจ อาลัยญาติ เจ้าพนักงานพัฒนาสังคมชำนาญงาน ศูนย์ผู้สูงอายุ จ.ลำปาง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ และสอบถามยายสุภานี ศรีสุภะ อายุ 75 ปี ณ บ้านของเพื่อนบ้านในหมู่บ้านการเคหะแห่งชาติ ต.พิชัย
       
       พร้อมกันนั้นนายชัยวัฒน์ นันต๊ะกูล ปลัด อบต.พิชัย ได้โทรศัพท์ติดต่อกับลูกสาวของยายสุภานี ซึ่งมีอาชีพเป็นถึงแอร์โฮสเตสสายการบินใหญ่แห่งหนึ่ง โดยสอบถามว่าทราบหรือไม่ที่คุณแม่มาอยู่ที่ลำปาง ลูกสาวยายสุภานีได้บอกว่าทราบ แต่รู้ว่าไปอยู่กับหลานสาว 
       
       เมื่อปลัด อบต.พิชัยบอกว่าตอนนี้คุณยายอยู่คนเดียว หลานสาวไปอยู่ต่างอำเภอและปล่อยให้คุณยายอยู่ลำพังโดยไม่มีคนดูแล แต่ลูกสาวก็ปฏิเสธ และบอกเพียงว่า เมื่อแม่ตัดสินใจออกจากบ้านไปแล้วก็คือออกไปเลยคงไม่เลี้ยงดูอะไรกันอีก เมื่อแม่มีลูกหลายคนก็ให้คนอื่นเลี้ยงก็แล้วกัน
       
       ทั้งนี้ ลูกสาวของยายสุภานีไม่ได้แสดงท่าทีไยดี หรือมีความเป็นห่วงเป็นใยแม่ของตนเอง หรือต้องการที่จะเลี้ยงดูแต่อย่างใด
       
       นอกจากนี้ ลูกสาวของยายสุภานียังบอกอีกว่า หากทางเจ้าหน้าที่ต้องการช่วยก็ให้เอาไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์ก็เอาไป
       
       เมื่อปลัด อบต.พิชัยสอบถามถึงเรื่องเงินเบี้ยยังชีพที่ทางรัฐบาลมอบให้ผู้สูงอายุว่า เงินดังกล่าว กทม.ได้โอนเข้าบัญชีใคร ลูกสาวยายสุภานีได้ตอบว่าโอนเข้าบัญชีเธอเอง
       
       ปลัดฯ จึงได้ขอร้องว่าหากเป็นเช่นนั้นเมื่อจะไม่ดูแลแม่ของตนเอง แล้วก็ขอให้โอนเงินเบี้ยผู้สูงอายุมาให้แม่ได้หรือไม่ โดย อบต.พิชัยจะเป็นผู้พายายสุภานีไปเปิดบัญชี แต่ลูกสาวของอดีตเจ้าแม่ย่านพัฒน์พงศ์ก็ไม่ยินยอม โดยบอกว่าหากอยากได้ก็ให้แม่ไปทำเรื่องที่ราชการเอง
       
       ทั้งนี้ ปลัด อบต.พิชัยก็ได้อธิบายว่า หากเป็นเช่นนั้นคุณยายก็จะยังไม่ได้รับเงิน เพราะการเดินเรื่องของทางราชการต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี และขอให้ใช้วิธีถอนเงินออกจากบัญชีแล้วโอนเข้าบัญชีให้คุณแม่ก่อน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอีก และบอกว่าจะไปปิดบัญชี
       
       ทางปลัด อบต.พิชัยจึงได้แจ้งกลับว่า หากทำเช่นนั้นคุณแม่ก็จะต้องลำบาก เพราะทางราชการจะไม่รู้ว่าโอนเงินเข้าบัญชีไหน
       
       แต่สุดท้ายลูกสาวของยายสุภานีก็ยังยืนกรานว่าจะไม่รับเลี้ยงดูคุณแม่เหมือนเดิม จนทำให้ปลัดฯ ชัยวัฒน์ไม่รู้ว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมอย่างไร จึงได้แต่ยุติการสนทนาทางโทรศัพท์ไป
       
       หลังจากที่ยุติการติดต่อประสานงานกับลูกสาวของยายสุภานีแล้วทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ปรึกษาหารือกันนานเกือบสองชั่วโมง จนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า เบื้องต้น ก่อนสิ้นเดือนนี้ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวคุณยายไปพักอยู่ที่ศูนย์สงเคราะห์ผู้สูงอายุจังหวัดลำปางเป็นการชั่วคราวก่อน หลังจากนั้นหากยายสุภานียังประสงค์จะไปบวชชี ก็จะพาไปบวชที่วัดหาดเชี่ยวตามความต้องการต่อไป
       
       ส่วนเรื่องเบี้ยยังชีพ ทาง อบต.พิชัยจะได้ประสานงานไปยังแขวงบางแคเพื่อหาวิธีเปลี่ยนแปลงการโอนเงินจากที่เคยโอนเข้าบัญชีลูกสาว ให้โอนเข้าบัญชีของนางสุภานีโดยตรง หรือบัญชีเจ้าหน้าที่ที่จะมีการมอบหมายให้ดูแลต่อไป



ขอบคุณข้อมูลภาพข่าว  www.manager.co.th



ดั่งที่เป็นข่าวคึกโครม หนุ่มโสดรีบคว้า! เศรษฐีฮ่องกงควัก 2พันล้าน ให้หนุ่มที่ชนะใจลูกสาวเลสเบี้ยน




ขอบคุณ youtube.com




เปิดยื่นเอกสารประมูล 3G แล้ว-AIS มารายแรก

กสทช. เปิดให้ยื่นเอกสารร่วมประมูล 3G แล้ววันนี้ โดย AIS มายื่นรายแรก เตรียมประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้าร่วมประมูล วันที่ 10 ตุลาคม
              วันนี้ (28 กันยายน) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) เข้ายื่นเอกสารขอเข้าร่วมประมูล ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.) ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.โดยผู้ยื่นจะต้องจ่ายค่าพิจารณาคำขอใบอนุญาต 5 แสนบาท และวางหลักประกันการประมูล 1.35 พันล้านบาท 

              ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ผ่านมา นายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของไทย ได้เดินทางมายื่นเอกสารประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เป็นรายแรก ส่วนบริษัทอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยมายื่นเอกสารแล้ว ทั้ง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ในเครือดีแทค รวมทั้งบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือข่ายของทรู คาดว่า ตลอดทั้งวันจะมีบริษัทอื่น ๆ เข้ามายื่นเอกสารเพิ่มเติมอีก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีบริษัทที่เข้ามาขอรับเอกสารหลักเกณฑ์การเข้าประมูลใบอนุญาต 3G ทั้งสิ้น 17 ราย

              สำหรับการขั้นตอนต่อไปในการประมูล 3G นั้น หลังจากบริษัทต่าง ๆ ยื่นเอกสารแสดงความจำนงในวันนี้แล้ว ทาง กสทช. จะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติขั้นแรกให้แล้วเสร็จ และประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมประมูลในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 โดยจะมีการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียด และจัดการประมูลรอบสาธิต ในวันที่ 12-13 ตุลาคม ก่อนจะทำการประมูลใบอนุญาต 3G ในวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลภายใน 3 วัน




สุดสยอง!! พ่อครัวมะกันสารภาพ "ฆ่าเมีย ใส่หม้อตุ๋น" อำพลางศพ
เดวิด เวียนส์ พ่อครัววัย 49 ปี (ซ้าย) และ ดอว์น เวียนส์ ซึ่งถูกผู้เป็นสามีฆ่าและนำศพไปตุ๋นในหม้อนาน 4 วัน
       เอเอฟพี - พ่อครัวชาวอเมริกันรายหนึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนา วานนี้ (27) หลังรับสารภาพว่าได้ทำให้ภรรยาเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ และนำศพของเธอไปเคี่ยวในหม้อขนาดใหญ่นาน 4 วันเพื่อทำลายหลักฐาน
       
       เดวิด เวียนส์ วัย 49 ปี ให้การต่อตำรวจว่า เขาใช้เทปผ้ามัดดอว์น ภรรยาวัย 39 ปีไว้เพื่อไม่ให้เธอหนี จากนั้นก็เข้าไปนอน พอตื่นขึ้นมาอีก 4 ชั่วโมงให้หลังก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
       
       เวียนส์ ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตระหนก ได้นำศพภรรยาไปใส่หม้อขนาดใหญ่และเปิดไฟต้ม
       
       คลิปวิดีโอบันทึกการให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนถูกนำมาเปิดในศาล ซึ่งเวียนส์ระบุว่า “ผมต้มเธอให้สุกช้าๆ และสุดท้ายก็ต้มอยู่นานถึง 4 วัน”
       
       “ผมต้มเธออยู่ 4 วัน จากนั้นก็ปล่อยทิ้งให้เย็น ผมค่อยๆ กรองเอาศพออกมา และเอาไปทิ้งถังขยะ”
       
       ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นดอว์น เวียนส์ อีกเลย ตั้งแต่เธอหายตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2009
       
       ศาลมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่าเวียนส์อาจต้องรับโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี
       
       อดีตเจ้าของภัตตาคารจากเมืองโลมิตา ทางตอนใต้ของนครลอสแองเจลิส เคยใช้เทปมัดภรรยาเช่นนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เพราะ “ไม่ต้องการให้เธอออกไปขับรถเล่น และมัวเมากับการดื่มเหล้าและเสพโคเคน”
       
       ก่อนหน้านี้ อัยการเดบราห์ บราซิล เคยขอให้ตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนากับพ่อครัวรายนี้ โดยชี้ว่าการเสียชีวิตของดอว์น “ไม่ใช่อุบัติเหตุ” และเธออาจจะ “เสียชีวิตอย่างทรมาน” ยิ่งกว่าที่ผู้เป็นสามีกล่าวอ้าง เช่น ถูกบีบคอจนตาย
       
       “ด้วยเหตุนี้จำเลยจึงต้องใช้เวลาถึง 4 วันเพื่อทำลายศพของดอว์น เวียนส์” บราซิลระบุ
       
       เวียนส์ให้สัมภาษณ์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ถุงใบหนึ่งที่บรรจุชิ้นส่วนของภรรยาน่าจะยังอยู่ และหัวกระโหลกน่าจะเก็บอยู่บนห้องใต้หลังคาของแม่เขา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในห้องดังกล่าวก็ไม่พบอะไร
       
       คณะลูกขุนใช้เวลาทบทวนนาน 5 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะปรับคำตัดสินเป็นการฆาตกรรมโดยไม่เจตนา
       
       เวียนส์ ต้องนั่งรถเข็นมาขึ้นศาล เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดหน้าผาสูง 25 เมตรเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 ไม่นานนักหลังจากที่เขาสารภาพกับแฟนสาวว่า ได้ฆ่าภรรยาตายโดยไม่เจตนา
       
       ทาล เอริกสัน หนึ่งในคณะลูกขุน เปิดเผยว่า คณะลูกขุน 12 คนลังเลอยู่นานว่าควรจะตัดสินให้เวียนส์มีความผิดฐานฆาตกรรมโดยเจตนาหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้สำนึกในสิ่งที่ทำลงไป
       
       “ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริงก็ไม่น่าจะไปกระโดดหน้าผา” เอริกสันกล่าว
       
       คาเรน แพตเทอสัน เพื่อนสนิทของสามีภรรยาคู่นี้ถึงกับบอกว่า “เพื่อนที่ดีของฉันตายด้วยน้ำมือเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่ง”
       
       “ดอว์นรักเขามาก แต่เขากลับฆ่าภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 17 ปี ภรรยาที่เชื่อใจและรักเขาที่สุดได้ลงคอ เขาทำเหมือนเธอเป็นแค่เนื้อก้อนหนึ่ง... น่าเสียดายจริงๆ”

แหล่งข่าว www.manager.co.th