วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555


"หนุ่มใหญ่" โหมเล่นเกมส์ทั้งคืน วูบดับคาคอมฯ

หนุ่มใหญ่วัย 58 ปี โหมเล่นเกมส์ทั้งคืน ตื่นนอนพบเป็นศพคาคอมพิวเตอร์ เผยเป็นคนติดเกมส์อย่างหนัก คาดหัวใจวายเฉียบพลัน
(27 ก.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในอาคารพานิชย์สองชั้น เลขที่ 30/3 หมู่ 3 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จึงเข้าตรวจสอบพร้อม แพทย์โรงพยาบาลสารภี พบศพนายแสงชัย จาดบันเงิน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตมีเลือดไหล ออกจากปาก
จากการสอบสวนทราบว่านายแสงชัย เป็นพ่อค้าขายขนมปังหน้า ที่ว่าการอำเภอสารภี ในคืนก่อนพบศพ บุตรสาววัย 10 ขวบ ได้ขึ้นไปนอนหลับบนชั้นที่สอง ขณะที่นายแสงชัย ได้เข้าไปเล่นเกมส์ในห้องใต้บันไดชั้นล่าง พอรุ่งเช้าบุตรสาวได้ลงมาเรียกเพื่อให้ไปส่งโรงเรียน แต่กลับมาพบว่าเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตคาดว่ามาจาก หัวใจวายเฉียบพลัน
ทั้งนี้ญาติให้การว่านายแสงชัยชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ โดยหลังจากเลิกขายขนมจะเข้าไปในห้องใต้ บันไดและเล่นเกมส์ตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้าเป็นประจำ คาดว่าผู้ตายซึ่งอายุมากจะติดเกมส์ และเล่นไม่ยอมพักผ่อนจน เกิดหัวใจวายคาโต๊ะคอมพิวเตอร์ก่อนจะตกลงมาจากเก้าอี้ กระทั่งบุตรสาวมาพบเป็นศพในช่วงเช้า


แหล่งข่าว sanook.com

''ผู้จัดการสาวสิงค์โปร์'' ร้ำไห้โดนหัวหน้าทำออรัลเซ็กส์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 27 ก.ย.55 ว่า นางเซซิลล่า ซู ชาวสิงคโปร์ ผู้จัดการฝ่ายขายด้านไอที ประจำหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ได้ให้การต่อศาลกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนายอึง บุน เกย์ อดีตหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดในคดีสวนสอบการคอรัปชั่นของฝ่ายหลัง โดยปรากฎว่านางเซซิลล่า ต้องร่ำไห้หลายครั้งเมื่อเปิดเผยถึงรายละเอียดชะตากรรมดังกล่าว โดยนายอึง ซึ่งมีสถานะเป็นผู้บังคับบัญชาของเธอ ต้องการมีเซ็กส์กับเธอในที่จอดรถ และบังคับให้เธอทำออรัลเซ็กส์ให้แก่เขาด้วย
เซซิลล่า เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานที่หลายแห่ง โดยมักจะมีขึ้นหลังจากการกินข้าวเย็นหรือการดื่ม แม้ว่าเธอจะไม่ชอบที่ถูกบังคับ แต่ก็ไม่สามารถแจ้งตำรวจได้ เนื่องจากเธอกลัวจะอับอาย หรือถูกขู่ทำร้ายครอบครัว และเธอไม่ต้องการทำให้เรื่องนี้ทำลายสัญญาด้านไอทีของเธอกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งรวมทั้งหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของนายอึงด้วย

แหล่งข่าว sanook.com



รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555

คลั่ง เมา เชือด!! ภาพเหตุการณ์จริง อันน่าหวาดเสียวนี้ เกิดจากความบ้าคลั่งของชายคนหนึ่งที่มีอาการเมา เค้าพยายามจะทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ แต่แล้วสิ่งที่น่าสะพรึ่งกลัวก็เกิดขึ้นอีกทั้งยังสร้างความหวาดเสียวให้กับผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ไปดูกันชายคนนี้เขาทำอะไร และเขาจะเป็นเช่นไร ติดตามชมได้ในเรื่องจริงผ่านจอ ห้ามพลาด

รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 1/6

รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 2/6
รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 3/6
รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 4/6
รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 5/6

รายการ เรื่องจริงผ่านจอ (คลั่งเมาเชือดคอ) 27 กันยายน 2555 6/6

เสียงวิจารณ์ จันดารา วธ.เล็งแก้ พรบ. ภาพยนตร์
วธ.รับกระแสวิพากษ์ “จันดารา” เล็งแก้ช่องว่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์วีดิทัศน์ใหม่ หลังบังคับใช้มา 4 ปี 
       
       นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้สร้างภาพยนตร์ และหลายภาคส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การให้เรตภาพยนตร์ ‘จันดารา’ว่า เป็นหนังที่เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เข้าชม หรือ เรตติ้ง 18+ โดยให้โรงภาพยนตร์เข้มงวดการตรวจบัตรประชาชน และ วธ.ไม่มีสิทธิออกคำสั่งให้ตรวจบัตรประชาชนดังกล่าว เพราะเป็นการละเมิดสิทธิคนชมนั้น ในส่วนของ วธ.ถือเป็นเพียงหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ เป็นเครื่องมือติดตามและดำเนินกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทยให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นความเห็นที่สังคมสามารถชี้แนะกลับมายัง วธ.ได้
       
       “ตนยอมรับความเห็นที่แตกต่างที่สังคมชี้แนะ เพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย มีเหตุผลต้องแลกเปลี่ยนกัน การกำหนดประเภทภาพยนตร์เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่สังคมจะใช้ในการกำหนดเงื่อนไข เพราะตามรัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพบุคคลดำเนินการในเรื่องต่างๆ แต่ต้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะของคนส่วนร่วมด้วย ซึ่งภาพยนตร์ เป็นสื่อที่ให้ทั้งความบันเทิงและความรู้ ซึ่งต้องมีผลกระทบต่อคนที่เกี่ยวข้อง แม้ผู้สร้างจะมีเจตนาขนาดไหนก็ตามต้องดูบริบทของสังคมและคนที่เกี่ยวข้อง”ปลัด วธ.กล่าว
       
       นายสมชาย กล่าวว่า ฝ่ายที่มีความเห็นว่า วธ.ควรปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ดังกล่าว เนื่องจากมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการบังคับใช้ด้านต่างๆ นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ สำนักตรวจพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ไปศึกษารายละเอียดแล้ว หลังจากที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้มาเมื่อปี 2551 เป็นต้นมา ดังนั้น จึงอาจมีช่องว่างทั้งการปรับหลักเกณฑ์ตัวบทกฎหมายให้เข้ากับปัจจุบัน การกำหนดประเภทของภาพยนตร์ทั้ง 7 ประเภท ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการชี้แจงกับภาคสังคมเกี่ยวกับการใช้เรตติ้ง ที่ยังไม่แพร่หลาย ประชาชนยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการให้เรตติ้ง



ภาพประกอบจากเน็ต
ข้อมูล www.manager.co.th

แฟชั่นสุดสยอง!  ลายสักแบบ 3 มิติ
วันนี้ (27 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตามที่มีผู้นิยมความงามและแฟชั่นแปลก ๆ นำเสนอนวัตกรรมการตกแต่งร่างกายแบบต่าง ๆ ออกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง โดยบางอย่างมนุษย์ปุถุชนธรรมดาสามารถรับได้ อาทิ การสักหรือเจาะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่ยังมีบางส่วนหลุดโลกถึงขึ้นนำน้ำ+เกลือมาฉีดบริเวณหน้าผากจนโหนกนูนคล้ายเอเลี่ยนต่างดาว ล่าสุดนายโยมิโก มอเรโน่ ชาวเวเนซุเอล่า ได้ผุดไอเดียบรรเจิดเนรมิตผลงานรอยสัก 3 มิติบนผิวหนังขึ้นมา โดยผลงานหนุ่มเวเนฯ รายนี้มีหลากหลายรูปแบบและละเอียดมาก ทั้งภาพรอยแผล หัวใจ กล้ามเนื้อ อภัยวะภายใน รวมถึงภาพแขนหุ่นยนต์ ซึ่งสร้างความแตกต่างจากงานสักทั่วไป ทำให้มีผู้สนใจแห่เข้าคิวให้บรรเลงเพลงเข็มปักเนื้อ เพื่อหวังโชว์ความแตกต่าง สำหรับ "มอเรโน่" สนใจงานสักเนื้อมนุษย์ตั้งแต่อายุแค่ 14 ปี และทุ่มเทพัฒนาลวดลายต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง.



แหล่งข่าว : เดลินิส์


ลูกอกตัญญู! ลูกสาวด่า "อดีตเจ้าแม่พัฒน์พงษ์" 
ทำให้ตัวเองเสียหาย

อดีตเจ้าแม่พัฒน์พงษ์ ก้มหน้ายอมรับสภาพ พ้อตกอับเพราะกรรมเก่า ไม่โทษลูกสาวแอร์โฮสเตส ไม่รับดูแลซ้ำโทรมาด่าหลังตกเป็นข่าว

จากกรณีนาง สุภานี ศรีสุภะ อายุ 75 ปี เศรษฐินีอดีตเจ้าแม่พัฒน์พงษ์ ตกอับและถูกลูกซึ่งมีอาชีพเป็นถึงแอร์โฮสเตสไม่รับเลี้ยงดู จึงตัดสินใจออกไปอยู่กับหลานที่ต่างจังหวัด แต่สุดท้ายหลานก็ไม่ยอมให้อยู่ด้วย และให้ออกจากบ้านภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่ยอมชำระค่าน้ำ ค่าไฟ และเลี้ยงดู จนเพื่อนบ้านต้องช่วยกันลงขันจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และให้อาหารประทังชีวิตไปวันๆ
ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ย.) เพื่อนบ้านนางสุภานี ได้แจ้งว่าเห็นลูกสาวของนางสุภานี ซึ่งเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินแห่งหนึ่ง ได้โทรศัพท์มาต่อว่ายายสุภานี เพราะเห็นว่าทำให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าว จนตนเองเสียหาย ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามนางสุภานี ซึ่งยอมรับว่าหลังจากที่มีข่าวออกไปลูกสาวโกรธตนเองมาก แต่ตัวเองไม่ได้โกรธลูกสาวเลย และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนไม่ใช่เวรกรรมในชาตินี้ เพราะตนมีแต่ช่วยเหลือคนมาโดยตลอด พ่อแม่ก็ไม่เคยทอดทิ้ง แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะกรรมเก่า ส่วนลูกสาวทำตัวอย่างนั้นตนก็ไม่ได้โทษอะไร ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตัวเองที่เลี้ยงดูลูกมาแบบนั้น รักและตามใจลูกโดยที่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ทำให้ลูกเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ดังนั้นถึงปัจจุบันนี้ตนก็จะไม่เอาอะไรแล้ว ขอเข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชรา เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน
โดยการให้สัมภาษณ์ของนางสุภานี ตลอดเวลาที่มีการถามถึงลูกสาว นางสุภานีจะคอยปกป้อง และไม่เคยให้ร้ายลูกสาวของตนเองแต่อย่างใด โดยจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองเสมอ ขณะที่ด้านความคืบหน้าในการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่ให้นางสุภานี และจะได้ประสานงานไปยังแขวงบางแค กทม.เพื่อแจ้งให้เปลี่ยนแปลงการโอนเงินผู้สูงอายุเข้าบัญชีของนางสุภานี โดยตรงต่อไป หลังจากที่ลูกสาวปฏิเสธจะโอนเงินที่เข้าในบัญชีของตนเองมาให้ผู้เป็นแม่


แหล่งข่าว sanook.com

รายการ เจาะข่าวเด่น (ลวงด้วยศรัทธา...รักษาโรค) 
วันที่ 27 กันยายน 2555



ขอบคุณช่อง3 Youtube

อธิบดีแพทย์เตือน!! แฟชั่นหัวโหนก เสี่ยงถึงตาย

จากกรณี แฟชั่นใหม่ของวัยรุ่นญี่ปุ่น ฉีดน้ำเกลือเข้าที่หน้าผาก เพื่อให้บวมเหมือนขนมปังเบเกิล กลายเป็นแฟชั่นการตกแต่งร่างกายของวัยรุ่นญี่ปุ่นบางกลุ่มนั้น พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง การฉีดน้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะทางปฏิบัติน้ำเกลืออาจรั่วซึมเข้าไปในชั้นพังผืดเหนือกะโหลกศีรษะ ไหลเซาะลงเปลือกตา แก้ม คาง คอ ไปกดทับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือเส้นเลือดดำจากสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดมึนงง สมองตื้อ หากน้ำเกลือที่บวมอยู่ไปกดทับเส้นประสาทเหนือคิ้วและขมับทั้ง 2 ข้าง จะทำให้เส้นประสาทไม่ทำงาน ชาที่ใบหน้า หรือกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงได้

 พญ.วิลาวรรณ กล่าวว่า ผิวหนังบริเวณที่ฉีดน้ำเกลือเข้าไปจะตึงจนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไม่สะดวก เกิดการขาดเลือด จนผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นเน่าตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นน้ำเกลือที่ใช้ฉีดเป็นชนิดไฮเปอร์โทนิก (Hypertonic) ที่มีความเข้มข้นสูง ที่อันตรายมากคือหากน้ำเกลือไหลมาถึงบริเวณคอจะไปกดเบียดหลอดลม หายใจไม่ออกจนเสียชีวิตได้ หรือหากมีลมรั่วเข้ามากับน้ำเกลือที่ฉีดบริเวณใกล้ตา อาจอุดตันเส้นเลือดทำให้การมองเห็นผิดปกติและตาบอดชั่วคราวได้ หากทำไม่สะอาด อาจทำให้ผิวหนังอักเสบติดเชื้อรุนแรงจนเสียโฉมหรือเสียชีวิตได้

 พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าการฉีดน้ำเกลือเข้าร่างกาย ปกติแล้วไม่มีอันตราย แต่หากฉีดน้ำเกลือที่มีความเข้มข้นมากเกินไป อาจส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเป็นแผลและตายได้ 

 ผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ หัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นคือ การติดเชื้อระหว่างการฉีด โดยเฉพาะการติดเชื้อบริเวณหน้าผากหรือโคนจมูก เชื้อโรคจะเข้าไปทางหลอดเลือดดำและไปอยู่ที่แอ่งเลือดดำใต้สมอง ซึ่งเป็นศูนย์รวมเส้นประสาท ถือว่าอันตรายมาก อาทำให้เกิดโรค Cavernous Sinus Thrombosis ทำให้เส้นประสาทตาเป็นอัมพาตและตาเหล่ได้ ซึ่งการติดเชื้อบริเวณแอ่งเลือดดำใต้สมองรักษายากมาก ต้องให้ยาเพียงอย่างเดียว หากไม่หายก็รักษาไม่ได้ 


ขอบคุณข้อมูล ข่าวสด

ผัวโมโหเตะเมียหัวน็อกพื้น เหตุถูกใช้อาบน้ำให้ลูก
27 กันยา 55 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายสราวุฒิ นิดตานี อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่สถานีรถไฟพิจิตร ขณะกำลังจะหลบหนี ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา นายสราวุฒิ ซึ่งอาศัยอยู่กินกับ นางสาวจิราภรณ์ เข็มอุทา อายุ 23 ปี โดยทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน วันเกิดเหตุ นางสาวจิราภรณ์ เพิ่งกลับบ้านหลังเดินทางไปประชุมตัวแทนประกันชีวิตที่กรุงเทพฯ ทิ้งลูกเอาไว้ให้สามีได้เลี้ยงดู
เมื่อกลับบ้านมาถึงบ้าน จึงใช้ให้สามีที่กำลังล้างจานอยู่ไปอาบน้ำให้ลูกคนเล็ก แต่นายสราวุฒิไม่ว่าง ทั้งคู่จึงเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ก่อนที่ นางสาวจิราภรณ์ จะเดินหนีออกมาทางหน้าบ้าน นายสราวุฒิที่เดินตามมาติดจึงใช้เท้าเตะใส่นางสาวจิราภรณ์ เป็นเหตุทำให้ล้มลงศีรษะฟาดกับพื้นถนนคอนกรีตหน้าบ้าน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศก็ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีชาวบ้านที่สนใจเดินทางร่วมดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเกณฑ์กำลังป้องกัน หวั่นจะเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้น ใช้เวลาราว 30 นาที ก่อนที่ นายสราวุฒิ จะเดินทางไปที่วัดใหม่ เพื่อขอขมาต่อหน้าศพนางสาวจิราภรณ์ และถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณ sanook.com



แบนทั้งทีม เหตุเพราะ แข้งยู16 ทิ้งเสื้อทีมชาติลงพื้น
พลังเอ็ม โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี สั่งแบน อำนาจ ภมรประเสริฐนักเตะดาวรุ่งดีกรีเยาวชนทีมชาติไทยชุดยู 16 ทั้งฤดูกาล หลังเจ้าตัวแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยการทิ้งเสื้อทีมชาติลงกับพื้นในเกมที่พบกับอิรัก
หลังจากที่ "เต้ย" อำนาจ ภมรประเสริฐ กองกลางดาวรุ่งของ "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมระหว่างการรับใช้ชาติในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี ที่ประเทศอิหร่าน ด้วยการถอดเสื้อทีมชาติไทยและทิ้งลงพื้นหลังถูกเปลี่ยนตัวในเกมที่พบกับอิรัก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมลูกหนังอย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุดนายธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์ ผู้จัดการทีมโอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี เปิดเผยว่า สโมสรให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องความมีน้ำใจนักกีฬา มารยาท และการแสดงออกของนักกีฬามาเป็นอันดับต้นๆ โดยตลอด ซึ่งในส่วนของกรณีอำนาจ ภมรประเสริฐ หนนี้ สโมสรจะได้มีการเรียกมาสอบถามถึงสาเหตุ และว่ากล่าวตักเตือน

"ทั้งนี้เบื้องต้นสโมสรจะลงโทษด้วยการห้ามลงเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกไปจนสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เขาขาดรายได้จากโบนัสแมตช์แข่งขันที่เคยมีชื่อตัวสำรองมาตลอด พร้อมกับตัดเงินเดือนที่แม้ปัจจุบันอำนาจจะรับในส่วนของทีมเยาวชนที่ไม่ได้มากนัก
ทว่าเราจำเป็นต้องทำเพื่อให้นักกีฬามีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมมากขึ้น อย่างไรก็ดีสโมสรยังให้โอกาสกับอำนาจในการปรับปรุงพฤติกรรม เพราะถือว่าเขายังเป็นเยาวชนที่ยังขาดวุฒิภาวะ แต่หากในอนาคตยังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวสโมสรมีมาตรการเด็ดขาดคือการตัดออกจากสโมสรทันที"
ถอดเสื้อทีมชาติไทยและทิ้งลงพื้น

ขอบคุณแหล่งข่าว Sanook.com


ตร.เผยพี่หมอสุพัฒน์ ไม่รู้เห็นการฆาตกรรม DNA 2 ศพที่ได้รู้ผลวันนี้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยผลสอบ พี่ชาย "หมอสุพัฒน์" ไม่รู้เห็นการฆาตกรรม เป็นพยานชี้จุดพบรถ เร่งตรวจอีก 2 โครงกระดูก คาด เสร็จทันภายในวันนี้

(27 ก.ย.55) พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยผลการสอบปากคำ นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาวเพชรบุรี ว่าได้สอบปากคำ นายสุเทพ จนเสร็จสิ้นแล้วพบว่า นายสุเทพ ไม่รู้เรื่องฆาตกรรม แต่ให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีโดยถือเป็นพยาน ที่พาลูกของพี่สาว 2 สามีภรรยาที่หายตัวไป ไปชี้จุดที่พบรถยนต์ใน จ.นนทบุรี

โดยอธิบายรายละเอียดในการพบรถที่ตำรวจสงสัยให้ทราบ และคงไม่ต้องเรียกสอบเพิ่มเติม เพราะถือว่าให้รายละเอียดทั้งหมดที่ตำรวจต้องการแล้ว ส่วนรายละเอียดคำให้การ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลต่อรูปคดี ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกที่พบในไร่ระบุว่ายังไม่ใช่ 2 สามีภรรยานั้น ทางตำรวจก็คงต้องสืบสวนหาหลักฐานต่อไป ว่า ศพถูกทำลายที่ไหน หรือไม่ต่อไป ส่วนภรรยา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำเช่นกัน
ด้าน พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจ ดีเอ็นเอโครงกระดูกอีก 2 โครงที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่ากำลังเร่งตรวจสอบให้เสร็จทันภายในวันนี้ แต่เนื่องจากโครงกระดูกสภาพเก่า และส่งผลให้แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้แถลงให้ทราบต่อไป

แหล่งข่าว sanook.com

เเบนหนัก!! ประสาร นักเตะระยอง ตลอดชีพ เจ้าตัววอนลดโทษ
ประสาร พันธ์สำลี นักเตะทีม ระยอง ยูไนเต็ด ถูกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สั่งแบนนายประสารไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลตลอดชวิต หลังจากเหตุการณ์ที่ ประสาร วิ่งไล่ผู้ตัดสินเพื่อที่จะทำร้ายนั้น หลังจากทราบข่าว เจ้าตัวถึงกับช็อก จึงได้ปรึกษากับผู้บริหารระยอง ยูไนเต็ด ให้หาทางช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นทางสโมสรจะขออุทธรณ์โทษให้ นายประสาร กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำไปไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้ตัดสิน แต่ทำไปเพราะอารมณ์และสถานการณ์มันพาไป ความจริงคือ ต้องการเข้าไปถามผู้ตัดสินเท่านั้น ทั้งนี้ ประสาร ได้ขอโทษทุกฝ่าย ทั้งแฟนบอล ผู้ตัดสิน ผู้จัดการแข่งขัน และเพื่อนร่วมอาชีพ ที่ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม



ขอบคุณคลิปจาก Youtube.com

รวบหนุ่มฉุดหญิงข่มขืน ฮึดสู้กัดลิ้นตัวเองขาด

ตำรวจรวบหนุ่มหื่นฉุดหญิงเจ้าของร้านเสริมสวยหวังข่มขืน แต่เหยื่อฮึดสู้กัดลิ้นคนร้ายขาด

           เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555 พันตำรวจเอกสุริยา นาคแก้ว ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี นำกำลังเข้าจับกุม นายอนุชา (ไขรา) ผลศิริ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาคดีบุกรุกและใช้กำลังปลุกปล้ำหวังจะข่มขืนเจ้าของร้านเสริมสวยในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ที่บริเวณคิวรถตู้สายจังหวัดตรัง - สุราษฎร์ธานี
           สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา นางรุ่งทิพย์ เจ้าของร้านเสริมสวยอายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า ขณะที่กำลังเปิดร้านในตอนเช้า นายอนุชาฉวยจังหวะเดินเข้าไปในร้านแล้วฉุดกระชากลากเข้าไปยังห้องนอน ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครอยู่ในบ้านและพยายามปลุกปล้ำ พร้อมกับพยายามใช้ลิ้นสอดใส่เข้าไปในปากของตน ตนจึงได้กัดลิ้นนายอนุชาอย่างแรงจนขาดเลือดกบปาก ทำให้นายอนุชาตกใจร้องด้วยความเจ็บปวดและวิ่งหลบหนีไป
           ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายอนุชา หลบหนีไปอาศัยบ้านญาติที่จังหวัดตรัง จนกระทั่งวันนี้มีสายแจ้งมาว่านายอนุชาจะเดินทางกลับมายังบ้านเพื่อมาหาแม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รอดักที่บริเวณท่ารถตู้และสามารถจับกุมได้ดังกล่าว ซึ่งเมื่อเข้าจับกุมพบว่า นายอนุชาพูดจาไม่ชัด เมื่อให้แลบลิ้นออกมาดู พบว่าปลายลิ้นขาดหายไป ตรวจค้นภายในตัวพบกาวอีก 2 กระป๋อง โดยนายอนุชาให้การว่า ไว้ใช้ดมเพื่อระงับความเจ็บปวด เพราะตั้งแต่เกิดเหตุไม่ได้ไปรักษาแผลเลย ทำให้มีอาการปวดแผลมาก





ขอบคุณ Kapook.com


"อภิสิทธิ์" ถามตำรวจ ทำไมไม่จับแดงมายืนด่าต่อหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อเหลือง ปะทะกับคนเสื้อแดง ที่หน้ากองปราบปราม เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่า เป็นเรื่องที่มีหลายแง่มุม ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก และถ้ามีความตั้งใจจะสร้างสังคมที่จะลดความขัดแย้งให้เกิดความปรองดองแล้ว การใช้กำลังในลักษณะที่เป็นความรุนแรงอย่างนี้ ไม่ควรจะเป็นที่ยอมรับ ซึ่งสถานที่ที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ ทั้งที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการบริหารจัดการที่รู้เบาะแสอยู่แล้วว่าจะมีกลุ่มคน 2 กลุ่มไปชุมนุม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ควรมีแผนในการที่แยกคน 2 กลุ่มนี้ออกจากกัน ไม่ให้เกิดการปะทะกัน สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหา ครูที่ต่อว่า นางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำ นปช.นั้น เป็นประโยคคำถาม ยังไม่ได้หมิ่นประมาท ซึ่งตนสงสัยว่าถ้าตำรวจเห็นคลิปนี้แล้วบอกว่า ต้องตั้งข้อหาลักษณะแบบนี้
ขณะเดียวกัน ตนก็ขอถามว่าทุกครั้งที่ตนไปไหน และมีเสื้อแดงมาตะโกนด่าตนหยาบๆ คายๆ ถือป้ายชูอยู่ แล้วตำรวจยืนอยู่ ทำไมไม่จับกุม เพราะเป็นการทำความผิดซึ่งหน้าเลย ดังนั้น ก็ต้องตั้งข้อหาได้หมดเหมือนกัน ซึ่งคิดว่าตำรวจสร้างปัญหาขึ้นมาเอง
ส่วนกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ระบุเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นเรื่องใหญ่โตนั้น ตนก็แปลกใจที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร เพราะคนไทยด้วยกันเองจะต้องมาขัดแย้งทะเลาะกัน แล้วก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะลุกลามบานปลายได้ แทนที่จะช่วยกันดูต้นสายปลายเหตุ ต่างฝ่ายต่างก็ช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ กลับมาบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก ก็ไม่เข้าใจ


ขอบคุณข้อมูลรูปภาพ Mthai.com

เสื่อม!! เจ้าอาวาสฉาวสำเร็จความใคร่ผ่านแคมฟร็อกเพ่นหนี หลังจากเจ้าคณะตำบลเรียกสอบ

วันที่ 27 ก.ย.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีมีภาพอนาจารของบุคคลซึ่งสงสัยกันว่าเป็นเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครเชียงราย ทางแคมฟร็อกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีผู้ร้องไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจนทางสำนักพระพุทธศาสนา จ.เชียงราย และเจ้าคณะตำบลรอบเวียง อ.เมือง ต้องถูกสอบสวนกรณีดังกล่าวนั้น ล่าสุดคณะผู้ตรวจสอบฝ่ายฆราวาสตรวจดูภาพในแคมฟร็อกแล้ว พบมีชายที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจำนวน 3 คลิป ภาพสอดคล้องกับที่มีการร้องเรียนทำให้เจ้าคณะตำบลเชิญพระชัย วิสารโท เจ้าสำนักหรือเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมพรหมาพัฒนาราม ชุมชนสันหนอง ม.3 ต.รอบเวียง ให้ไปสอบสวนว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในแคมฟร็อกดังกล่าวหรือไม่

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดปรากฎว่าทางพระชัยได้ขนข้าวของภายในกุฏิไม้สองชั้น ออกไปจากสำนักปฏิบัติธรรมแล้ว  โดยนายโสไกร ใจมั่น นักวิชาการสำนักพระพุทธศาสนา จ.เชียงราย เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการขนข้าวของไปเกือบหมด ทิ้งไว้เพียงเอกสาร ตู้เย็น ทั้งพบว่ามีไวเรสอินเตอร์เน็ตและมีการต่อสายอินเตอร์เน็ตเข้าไปในห้องด้วย

 ขณะที่ทางสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งมีพระสงฆ์อยู่แค่ 2 รูป และหลังเกิดเหตุพระชัยได้ขนข้าวของหนีไปทำให้เหลือเพียง 1 รูป และสามเณรอีก 2-3 รูปจำพรรษาอยู่ โดยระบุว่าพระชัยออกจากวัดไปแล้ว โดยไม่แจ้งว่าไปที่ใด และน่าจะขนข้าวของออกไปในเวลากลางคืน เพราะช่วงกลางวันไม่มีใครเห็นการขนย้ายดังกล่าว แต่สำนักปฏิบัติธรรมยังไม่มีการรื้อหรือให้พระรูปอื่นเข้าไปอยู่ที่กุฏิแต่อย่างใด เพียงแต่ปิดเอาไว้ก่อนเท่านั้น

 นายโสไกร กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องแล้วมีการดำเนินการตามขั้นตอนจนถึงเจ้าคณะตำบลทำการสอบสวน แต่ปรากฎว่าพระชัยได้หลบหนีไปแล้ว ทำให้ทางคณะสงฆ์ไม่สามารถสอบได้ จึงทำหนังสือจากเจ้าคณะตำบลไปยังสำนักพระพุทธศาสนา เพื่อแจ้งให้ทุกวัดได้รับทราบว่าพระชัยกำลังถูกสอบสวน และไม่ควรรับเอาไว้ในวัดจนกว่าจะกลับมาเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบต่อไป ส่วนการหลบหนีไม่ทราบว่าไปที่ไหน

 ด้านนายคำ ใจวัง อายุ 75 ปี มัคนายกสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว กล่าวว่า เจ้าอาวาสโทรศัพท์แจ้งกลับมาว่าไม่สามารถอยู่ที่สำนักต่อไปได้ และคงไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะหลังเกิดเหตุทราบว่าถ้ามีการการกระทำดังกล่าวก็ถือว่าเข้าข่ายอาบัติสังฆาทิเสส เป็นการอาบัติระดับกลางไม่ถึงขั้นจับสึก แต่ทราบมาว่าทางคณะสงฆ์จะให้สึกทันที จึงไม่สามารถอยู่ได้เพราะอับอาย กระนั้นในส่วนของชาวบ้านเองก็อยากจะทราบความจริงเช่นกันว่าเป็นเช่นไร ส่วนหลักฐานชาวบ้านก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงรู้สึกเสียใจมากที่มีเรื่องดังกล่าว หลายคนไม่เชื่อว่าเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมดังกล่าว อาจเกิดจากการใส่ร้ายป้ายสีกันก็ได้ นอกจากนี้ปัญหานี้สร้างความเสียหายอย่างหนัก เพราะทางวัดกำลังมีประเพณีถวายสลากภัตซึ่งเป็นประเพณีของล้านนาในวันที่ 30 ก.ย.นี้ด้วย.

ข้อมูลภาพ : khaosod.co.th