วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555


  การไขปริศนาการหายตัวไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี เมื่อ 3 ปีก่อน โดยมี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ตกเป็นผู้ต้องหา ถึงขณะนี้การสืบสวนสอบสวนไม่ง่ายอย่างคิด ยิ่งผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของโครงกระดูก 3 ศพ ระบุว่าไม่ใช่ของสองสามีภรรยา การหาพยานหลักฐานจึงเริ่มต้นนับหนึ่งอีกครั้ง
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 30 กันยายน นายสว่าง นุ่มจุ้ย พร้อมด้วย น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย พ่อและพี่สาวของนายสามารถ นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุธรรม ป้องสีทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายพลเทพ สุวรรณวิเชียร ที่ปรึกษาทางกฎหมายและหัวหน้าทีมทนายความของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพและร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับไว้ซึ่งของโจร ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และน.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ รวมทั้งข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความเสียหายและอับอาย
        
                   นายสว่างให้การอ้างว่า การเข้าแจ้งความครั้งนี้ เนื่องจากนายพลเทพเคยให้ข่าวสื่อมวลชนอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่นำตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ไปฝากขังต่อศาล ครั้งที่สองให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่านายสามารถและน.ส.อรษายังไม่ตาย แต่ถูกจับกุมตัวอยู่ที่ประเทศพม่า นั่นแสดงให้เห็นว่านายพลเทพมีส่วนรู้เห็นว่าสองสามีภรรยาหายตัวไปไหน แต่ทำไม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์จึงถูกหมายจับและฝากขังที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ขณะที่ น.ส.วิลสา ยังหลบหนีหมายจับ เพราะรถของลูกชายและลูกสะใภ้ไปจอดอยู่ในบ้านพักของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี
        
                   "พวกเขาทั้งสองคนจะไปพม่าได้ยังไง เพราะลูกสาวยังเล็ก อยู่ที่บ้านไม่มีใครดูแล ถ้าจริงตามที่นายพลเทพกล่าว ก็ถือว่าเขามีส่วนร่วมและรู้เห็นในการหายตัวไปของทั้งสอง แต่ถ้าไม่จริง แสดงว่าอาจจะเป็นแผนที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์สั่งการ หรือมอบหมายให้นายพลเทพออกมาให้ข่าวเพื่อทำลายน้ำหนักพยานและหลักฐานที่ตำรวจพบ" นายสว่างกล่าว
        
                   ด้าน พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ท่าไม้รวก ให้สัมภาษณ์ว่า จะเรียกนายพลเทพมาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลนี้ได้อย่างไร และใครเป็นผู้ให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นความสำคัญต่อรูปคดี หากสองสามีภรรยายังมีชีวิตอยู่จริง โดยจะเรียกตัวมาสอบสวนในเร็วๆ นี้
        
                   ความคืบหน้าการขุดค้นหาหลักฐานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์นั้น พนักงานสอบสวนจะดำเนินการขอหมายศาลจังหวัดเพชรบุรีเข้าตรวจค้นเป็นครั้งที่ 6 พร้อมนำเครื่องสแกนหาวัตถุโลหะ หรือเครื่องตรวจจีพีอาร์เข้าค้นอย่างละเอียด เนื่องจากการเข้าตรวจค้นทั้งหมด 4 จุด เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ไม่พบวัตถุพยาน หรือกระดูกมนุษย์เพิ่มเติม พบเพียงกระดูก 2 ชิ้น ซึ่งยืนยันว่าเป็นกระดูกสัตว์ ไม่ใช่กระดูกมนุษย์อย่างแน่นอน
        
                   ผกก.สภ.ท่าไม้รวก กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนจะเบิกตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวมาสอบปากคำ หากศาลไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขณะที่การสอบปากคำนายกะลา แรงงานชาวพม่า ซึ่งทำงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยังให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนการส่งโครงกระดูกมนุษย์ที่พบในไร่ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจดีเอ็นเอซ้ำ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวน
        
                   ส่วนระยะเวลาที่จะสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่อศาล พ.ต.อ.พิชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของพยานหลักฐาน ต้องทำคดีด้วยความละเอียดรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะเข้าไปขุดค้นหาศพภายในไร่อีกครั้ง โดยจะนำเครื่องสแกนโลหะตรวจหาปลอกและหัวกระสุนปืนในจุดที่พยานระบุ คาดว่าเหตุฆาตกรรมลงมือด้วยอาวุธปืน
    
                   ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตำรวจขุดค้นหาหลักฐานที่บริเวณท้ายไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดยใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะและเครื่องสแกนจีพีอาร์สแกนหาสิ่งผิดปกติในพื้นดิน เช่น กระดูก นอกจากนี้ยังให้นักประดาน้ำของมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน ค้นหาในน้ำริมกอไผ่ใกล้บริเวณพื้นที่พบโครงกระดูก 2 ศพ และบริเวณใกล้เคียง การค้นหาพบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในน้ำใกล้กับบริเวณจุดที่พบศพโครงกระดูกที่ 2 และ 3 โดยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยระบุว่า วัตถุมีลักษณะเหมือนแท่งปูนจมอยู่ในดิน เบื้องต้นตำรวจใช้ไม้ปักเพื่อเป็นเครื่องหมายไว้ก่อน ยังไม่มีการยกขึ้นมาตรวจสอบ ขณะที่การใช้เครื่องสแกนจีพีอาร์ไม่พบกระดูกหรือวัตถุต้องสงสัย
        
                   พ.ต.อ.พิชัย กล่าวว่า คดีนี้ผู้บังคับบัญชาย้ำให้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาศพให้พบ ส่วนที่เน้นค้นหาข้างกอไผ่และริมน้ำ เพราะมีความเชื่อว่าการฝังศพจะต้องหาพื้นที่ริมน้ำ เพราะจะทำให้เน่าเปื่อยเร็ว และไม่มีกลิ่น นอกจากนั้นข้อมูลการสืบสวนพยานยังระบุว่า ศพถูกฝังอยู่บริเวณใกล้กอไผ่ แต่ไม่รู้บริเวณใด จึงยึดเอาบริเวณที่อยู่ใกล้ศพที่พบไว้ก่อน เน้นการค้นหาอย่างละเอียดทั้งบนบกและในน้ำ ส่วนวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะหยุดการขุดค้นหา จนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพยาน ทั้งนี้ตำรวจจะเข้าแจ้ง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่เรือนจำกลางเพชรบุรี ในข้อหามีเครื่องกระสุนและอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้
แหล่งข่าว คมชัดลึก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น