วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555


สอบ"พี่หมอสุพัฒน์" เครียดกว่า 10 ชั่วโมง พี่ตัดพ้อสงสารน้อง แต่ช่วยไม่ได้!

ตำรวจสอบเครียด “สุเทพ เลาหะวัฒนะ” พี่ชาย “พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ” นานกว่า 10 ชั่วโมง ฝ่ายพี่ชายตัดพ้อสงสารน้อง แต่ช่วยไม่ได้เพราะน้องทำผิดจริง
       
       วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี เมื่อ 3 ปีก่อน ได้ติดต่อเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยใช้ห้องในโรงแรมรอยัลไดมอนเพชรบุรี ในการสอบปากคำ ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่ต่างมาเฝ้ารอเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และการเข้าให้ปากคำของนายสุเทพ เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเวลา 21.15 น.ของคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) จึงเสร็จสิ้น
       
       สำหรับการสอบปากคำในครั้งนี้ โดยใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 10 ชั่วโมง พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมด้วยนายสุเทพ ได้ลงมาด้านล่างของโรงแรม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด
       
       โดยนายสุเทพบอกว่า รายละเอียดต่างๆ ให้ไต่ถามจาก ผกก.สภ.ท่าไม้รวก เพราะได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย มีแต่เพียงน้องที่ยื่นคำร้องขอให้คุณแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งน้องเป็น พ.ต.อ. ขอเป็นผู้อนุบาล โดยมีพี่น้องไปค้านในนามของครอบครัวก็เป็นเรื่องที่น้องอยากจะทำโดยตัวคุณแม่ยังแข็งแรง และรู้สติอยู่ตลอดเวลา
       
       “หมอเคยเอาตำรวจไปบุกบ้านบังคับแม่ไปโรงพยาบาล หมอชอบพากำลังมาบังคับแม่ทำโน่นทำนี่ โดยสิ่งนี้คุณแม่ไม่อยากเผชิญหน้าต่อสู้กับลูก เพราะในชีวิตจริงแม่ก็รักลูกอยู่แล้ว” นายสุเทพกล่าว
       
       ส่วนผู้สูญหายทั้ง 2 คน คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยานั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จัก แต่ตนรู้จักกับพี่สาวของผู้สูญหาย คือ น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย ซึ่งเป็นผู้ดูแลคุณแม่เวลาที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งก็ได้คุยกันว่ามีน้อง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน และมีรถ 1 คันที่หายไปพร้อมกัน แล้วก็ได้พูดคุยกันซึ่งน้องเขาก็ขอไปดูบ้านก็เลยทำหน้าที่เปิดบ้านให้ดูเท่านั้น
       
       “ตอนนี้รู้สึกว่าสงสารน้อง เพราะน้องเคยพึ่งคุณพ่อคุณแม่มาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้หลังชนฝาก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ก็ไม่รู้ไปฟาดหัวฟาดหางกับใคร ฟาดพี่ฟาดได้พี่แอ่นอกรับอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องนี้พี่ทำให้ไม่ได้ ที่จะไปสนับสนุนคนในครอบครัวที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนขนาดนี้ พวกเรากลัวคุณหมออยู่นะครับ ก็หนีคุณหมอมานานแล้ว ทั้งอากัปกิริยา การกระทำของคุณหมอทีทำกับคุณแม่ ทำกับพี่ ทำกับคุณพ่อ ถ้าเจอกันจะทำให้บาดแผลมันใหญ่ขึ้น คุณแม่บอกว่าให้ช่วยน้อง แต่คงเข้าไม่ได้ เพราะน้องไม่เคยขอเหมือนแต่ก่อน แต่น้องทำแม่ ผมเองก็ไม่รู้จะทำใจยังไง อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ ให้ผมมีชีวิตอยู่เพื่อดูแม่เถอะครับ
       
       แต่สิ่งที่น้องพูดเสมอว่า กรรมใดใครก่อต้องรับผลกรรมนั้น แม่ไม่มีวันโกรธลูกโดยแม่รับรู้ทั้งหมด แต่ถ้าเรื่องนี้น้องไม่ได้ทำจริงพี่คนนี้จะไปอยู่เคียงข้างสู้ปกป้องน้องเหมือนดั่งที่เคยทำ ตอนนี้ทั้งครอบครัวไม่มีใครเศร้าเท่ากับเวลานี้ครับ เพราะเราก็มีกันเหลือไม่กี่คนที่จะช่วยกันสร้างวงศ์ตระกูลเลาหะวัฒนะ แต่ต้องมาเจอกับกรณีอย่างนี้ก็เสียใจ พร้อมกับขอโทษชาว จ.เพชรบุรี ที่ทำให้ผิดหวัง เพราะน้องมาอยู่ที่นี่น่าจะทำความดีให้ที่นี่ ซึ่งน้องก็ทำหลายๆ สิ่งที่คนชื่นชม แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง” นายสุเทพกล่าวในที่สุด
       
       ก่อนที่จะยุติการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน และขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชจ 167 กรุงเทพมหานคร เดินทางกลับไป



ขอบคุณแหล่งข่าว http://www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น