สอบ"พี่หมอสุพัฒน์" เครียดกว่า 10 ชั่วโมง พี่ตัดพ้อสงสารน้อง แต่ช่วยไม่ได้!
ตำรวจสอบเครียด “สุเทพ เลาหะวัฒนะ” พี่ชาย “พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ” นานกว่า 10 ชั่วโมง ฝ่ายพี่ชายตัดพ้อสงสารน้อง แต่ช่วยไม่ได้เพราะน้องทำผิดจริง
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี เมื่อ 3 ปีก่อน ได้ติดต่อเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยใช้ห้องในโรงแรมรอยัลไดมอนเพชรบุรี ในการสอบปากคำ ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่ต่างมาเฝ้ารอเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และการเข้าให้ปากคำของนายสุเทพ เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเวลา 21.15 น.ของคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) จึงเสร็จสิ้น
สำหรับการสอบปากคำในครั้งนี้ โดยใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 10 ชั่วโมง พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมด้วยนายสุเทพ ได้ลงมาด้านล่างของโรงแรม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด
โดยนายสุเทพบอกว่า รายละเอียดต่างๆ ให้ไต่ถามจาก ผกก.สภ.ท่าไม้รวก เพราะได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย มีแต่เพียงน้องที่ยื่นคำร้องขอให้คุณแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งน้องเป็น พ.ต.อ. ขอเป็นผู้อนุบาล โดยมีพี่น้องไปค้านในนามของครอบครัวก็เป็นเรื่องที่น้องอยากจะทำโดยตัวคุณแม่ยังแข็งแรง และรู้สติอยู่ตลอดเวลา
“หมอเคยเอาตำรวจไปบุกบ้านบังคับแม่ไปโรงพยาบาล หมอชอบพากำลังมาบังคับแม่ทำโน่นทำนี่ โดยสิ่งนี้คุณแม่ไม่อยากเผชิญหน้าต่อสู้กับลูก เพราะในชีวิตจริงแม่ก็รักลูกอยู่แล้ว” นายสุเทพกล่าว
ส่วนผู้สูญหายทั้ง 2 คน คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยานั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จัก แต่ตนรู้จักกับพี่สาวของผู้สูญหาย คือ น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย ซึ่งเป็นผู้ดูแลคุณแม่เวลาที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งก็ได้คุยกันว่ามีน้อง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน และมีรถ 1 คันที่หายไปพร้อมกัน แล้วก็ได้พูดคุยกันซึ่งน้องเขาก็ขอไปดูบ้านก็เลยทำหน้าที่เปิดบ้านให้ดูเท่านั้น
“ตอนนี้รู้สึกว่าสงสารน้อง เพราะน้องเคยพึ่งคุณพ่อคุณแม่มาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้หลังชนฝาก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ก็ไม่รู้ไปฟาดหัวฟาดหางกับใคร ฟาดพี่ฟาดได้พี่แอ่นอกรับอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องนี้พี่ทำให้ไม่ได้ ที่จะไปสนับสนุนคนในครอบครัวที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนขนาดนี้ พวกเรากลัวคุณหมออยู่นะครับ ก็หนีคุณหมอมานานแล้ว ทั้งอากัปกิริยา การกระทำของคุณหมอทีทำกับคุณแม่ ทำกับพี่ ทำกับคุณพ่อ ถ้าเจอกันจะทำให้บาดแผลมันใหญ่ขึ้น คุณแม่บอกว่าให้ช่วยน้อง แต่คงเข้าไม่ได้ เพราะน้องไม่เคยขอเหมือนแต่ก่อน แต่น้องทำแม่ ผมเองก็ไม่รู้จะทำใจยังไง อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ ให้ผมมีชีวิตอยู่เพื่อดูแม่เถอะครับ
แต่สิ่งที่น้องพูดเสมอว่า กรรมใดใครก่อต้องรับผลกรรมนั้น แม่ไม่มีวันโกรธลูกโดยแม่รับรู้ทั้งหมด แต่ถ้าเรื่องนี้น้องไม่ได้ทำจริงพี่คนนี้จะไปอยู่เคียงข้างสู้ปกป้องน้องเหมือนดั่งที่เคยทำ ตอนนี้ทั้งครอบครัวไม่มีใครเศร้าเท่ากับเวลานี้ครับ เพราะเราก็มีกันเหลือไม่กี่คนที่จะช่วยกันสร้างวงศ์ตระกูลเลาหะวัฒนะ แต่ต้องมาเจอกับกรณีอย่างนี้ก็เสียใจ พร้อมกับขอโทษชาว จ.เพชรบุรี ที่ทำให้ผิดหวัง เพราะน้องมาอยู่ที่นี่น่าจะทำความดีให้ที่นี่ ซึ่งน้องก็ทำหลายๆ สิ่งที่คนชื่นชม แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง” นายสุเทพกล่าวในที่สุด
ก่อนที่จะยุติการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน และขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชจ 167 กรุงเทพมหานคร เดินทางกลับไป
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี เมื่อ 3 ปีก่อน ได้ติดต่อเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยใช้ห้องในโรงแรมรอยัลไดมอนเพชรบุรี ในการสอบปากคำ ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่ต่างมาเฝ้ารอเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และการเข้าให้ปากคำของนายสุเทพ เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเวลา 21.15 น.ของคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) จึงเสร็จสิ้น
สำหรับการสอบปากคำในครั้งนี้ โดยใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 10 ชั่วโมง พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมด้วยนายสุเทพ ได้ลงมาด้านล่างของโรงแรม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด
โดยนายสุเทพบอกว่า รายละเอียดต่างๆ ให้ไต่ถามจาก ผกก.สภ.ท่าไม้รวก เพราะได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย มีแต่เพียงน้องที่ยื่นคำร้องขอให้คุณแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งน้องเป็น พ.ต.อ. ขอเป็นผู้อนุบาล โดยมีพี่น้องไปค้านในนามของครอบครัวก็เป็นเรื่องที่น้องอยากจะทำโดยตัวคุณแม่ยังแข็งแรง และรู้สติอยู่ตลอดเวลา
“หมอเคยเอาตำรวจไปบุกบ้านบังคับแม่ไปโรงพยาบาล หมอชอบพากำลังมาบังคับแม่ทำโน่นทำนี่ โดยสิ่งนี้คุณแม่ไม่อยากเผชิญหน้าต่อสู้กับลูก เพราะในชีวิตจริงแม่ก็รักลูกอยู่แล้ว” นายสุเทพกล่าว
ส่วนผู้สูญหายทั้ง 2 คน คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยานั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จัก แต่ตนรู้จักกับพี่สาวของผู้สูญหาย คือ น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย ซึ่งเป็นผู้ดูแลคุณแม่เวลาที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งก็ได้คุยกันว่ามีน้อง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน และมีรถ 1 คันที่หายไปพร้อมกัน แล้วก็ได้พูดคุยกันซึ่งน้องเขาก็ขอไปดูบ้านก็เลยทำหน้าที่เปิดบ้านให้ดูเท่านั้น
“ตอนนี้รู้สึกว่าสงสารน้อง เพราะน้องเคยพึ่งคุณพ่อคุณแม่มาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้หลังชนฝาก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ก็ไม่รู้ไปฟาดหัวฟาดหางกับใคร ฟาดพี่ฟาดได้พี่แอ่นอกรับอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องนี้พี่ทำให้ไม่ได้ ที่จะไปสนับสนุนคนในครอบครัวที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนขนาดนี้ พวกเรากลัวคุณหมออยู่นะครับ ก็หนีคุณหมอมานานแล้ว ทั้งอากัปกิริยา การกระทำของคุณหมอทีทำกับคุณแม่ ทำกับพี่ ทำกับคุณพ่อ ถ้าเจอกันจะทำให้บาดแผลมันใหญ่ขึ้น คุณแม่บอกว่าให้ช่วยน้อง แต่คงเข้าไม่ได้ เพราะน้องไม่เคยขอเหมือนแต่ก่อน แต่น้องทำแม่ ผมเองก็ไม่รู้จะทำใจยังไง อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ ให้ผมมีชีวิตอยู่เพื่อดูแม่เถอะครับ
แต่สิ่งที่น้องพูดเสมอว่า กรรมใดใครก่อต้องรับผลกรรมนั้น แม่ไม่มีวันโกรธลูกโดยแม่รับรู้ทั้งหมด แต่ถ้าเรื่องนี้น้องไม่ได้ทำจริงพี่คนนี้จะไปอยู่เคียงข้างสู้ปกป้องน้องเหมือนดั่งที่เคยทำ ตอนนี้ทั้งครอบครัวไม่มีใครเศร้าเท่ากับเวลานี้ครับ เพราะเราก็มีกันเหลือไม่กี่คนที่จะช่วยกันสร้างวงศ์ตระกูลเลาหะวัฒนะ แต่ต้องมาเจอกับกรณีอย่างนี้ก็เสียใจ พร้อมกับขอโทษชาว จ.เพชรบุรี ที่ทำให้ผิดหวัง เพราะน้องมาอยู่ที่นี่น่าจะทำความดีให้ที่นี่ ซึ่งน้องก็ทำหลายๆ สิ่งที่คนชื่นชม แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง” นายสุเทพกล่าวในที่สุด
ก่อนที่จะยุติการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน และขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชจ 167 กรุงเทพมหานคร เดินทางกลับไป
ขอบคุณแหล่งข่าว http://www.manager.co.th
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น