วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555


เจอพิรุธ!! เขียนบันทึกเค้น'รปภ.' ลักเงิน 1 ล้าน

 ด้วยความย่ามใจที่คิดว่า กล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพได้ "ฉัตรชัย ตะวงษา" พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือรปภ. ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในห้างบิ๊กซี สาขากำแพงเพชร จึงฉวยโอกาสช่วงพนักงานคนอื่นเผลอก่อเหตุเปิดลิ้นชักลักเงินสด 1 ล้านบาท หลบหนี
  
             ราว 2 ทุ่มวันที่ 22 กันยายน หลังจากธนาคารปิดให้บริการ พนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยในห้างค้าบิ๊กซี สาขากำแพงเพชร ได้มีการสรุปยอดบัญชี และพบว่าเงินสด 1 ล้านบาทหายไป จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.อ.ชยินธร สุคนธร ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร และ พ.ต.ท.เชาวลิต รัมวุฒิ สว.สส. เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
 
             นายสุวิทย์ ลาภผลทวีคูณ อายุ 39 ปี ผู้จัดการธนาคาร ให้ข้อมูลว่า หลังจากพนักงานตรวจเช็กยอดเงิน พบว่าเงินสดหายไป 1 ล้านบาท สอบถามก็ไม่มีใครทราบ แต่สงสัยว่าน่าจะเป็น นายฉัตรชัย ตะวงษา รปภ.ที่ประจำอยู่ที่ธนาคาร อยู่บ้านเลขที่ 339 หมู่ 21 ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ที่ได้แจ้งทางธนาคารว่าจะนำขยะไปทิ้งแล้วหายตัวไปตั้งแต่ช่วงบ่าย
 
             "ทางธนาคารเปิดเครื่องบันทึกข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ต้องสงสัยขโมยเงินไปเป็น รปภ.คือ นายฉัตรชัย โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ช่วงเวลาดังกล่าวพนักงานที่เคาน์เตอร์พักเที่ยง เหลือเพียงพนักงานที่นั่งอยู่ประจำโต๊ะด้านหน้า และขณะนั้นมีลูกค้ามาติดต่อทำธุรกรรมทางการเงิน 2 คน ทำให้พนักงานประจำโต๊ะไม่มีเวลาสนใจ หลังจากพบหลักฐานชิ้นสำคัญจึงมั่นใจว่านายฉัตรชัย เป็นผู้ก่อเหตุ" พ.ต.อ.ชยินธร กล่าว
 
             อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนได้ติดตามภรรยาของนายฉัตรชัยมาสอบถาม โดยภรรยาของนายฉัตรชัยให้การว่า ช่วงกลางวันไม่อยู่บ้าน กลับมาตอนเย็น นายฉัตรชัย ซึ่งเป็นสามีเขียนจดหมายทิ้งไว้ว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะไปโรงพยาบาล จากนั้นพยายามติดต่อโทรศัพท์มือถือไปหา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพิ่งมาทราบจากธนาคารว่านายฉัตรชัยขโมยเงินของธนาคารไป 1 ล้านบาท
 
             ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบพฤติการณ์การก่อเหตุของนายฉัตรชัย พบว่า นายฉัตรชัยกดรหัสเปิดประตูเข้าไปในชั้นเคาน์เตอร์เก็บเงิน ทำทีใช้ถุงดำเข้าเก็บขยะ จากนั้นก้มลงไปที่เคาน์เตอร์ เปิดลิ้นชักเก็บเงิน ซึ่งกุญแจลิ้นชักเสียพอดี โดยในลิ้นชักมีเงินสดทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท แต่นายฉัตรชัยล้วงเงินสดไป 1 ปึก ซึ่งเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 1 ล้านบาท ใส่ถุงดำหิ้วออกมา จากนั้นบอกกับแม่บ้านของธนาคารว่า จะนำขยะออกไปทิ้งด้านนอก แล้วก็ออกจากธนาคารไป หลังจากนั้นไม่นานก็โทรศัพท์มาที่ธนาคารบอกว่า ขอลางาน เนื่องจากไม่สบายจะไปหาหมอ ทางธนาคารก็ไม่ได้สงสัย เพราะยังไม่ทราบว่ามีเงินหาย จนมาทราบอีกทีเมื่อปิดธนาคารแล้ว นายฉัตรชัยเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ธนาคารว่าจ้างมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง 
 
             หลังก่อเหตุผ่านไปเพียง 5 วัน ตำรวจก็สามารถจับกุมนายฉัตรชัยได้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน หลังจากมีพลเมืองดีแจ้งว่า พบชายต้องสงสัยคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ผ่านด่านตรวจค้น ชบร. ไปที่ริมเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อข้ามฟากจาก อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ไปฝั่ง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น แต่ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ไม่มีเรือข้ามฟาก และเห็นเป็นคนแปลกหน้า จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพบเงินสดอยู่ที่กระเป๋าคาดเอวของผู้ต้องหา 4 แสนบาท รถจักรยานยนต์เพิ่งซื้อขายยังไม่ได้โอนชื่อ 1 คัน
 
             "ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบพบความผิดปกติหลายอย่าง จากนั้นพยายามตรวจค้นพบเงินสดจำนวนมากในกระเป๋า จึงเชิญตัวมาสอบสวน ชายต้องสงสัยคนนี้แสดงอาการลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา จากการตรวจค้นกระเป๋าของชายต้องสงสัยพบสมุดโน้ตเล็กๆ เขียนระบายความในใจทำนองว่า "ไม่น่าจะทำแบบนี้ ทำแล้วไม่สบายใจ อยากให้ตำรวจจับได้เร็วๆ" พอสอบถามถึงรู้ว่าชายต้องสงสัยคนนี้คือนายฉัตรชัย เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดมา" พ.ต.อ.สงบ อัดโดดดร ผกก.สภ.โนนสัง กล่าว
 
             หลังถูกจับกุม นายฉัตรชัย อ้างว่า ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีจาก จ.กำแพงเพชร โดยซื้อรถจักรยานยนต์มือสองราคาไม่กี่หมื่นบาท แล้วนำเงินไปใช้หนี้เถ้าแก่ไร่อ้อย 4 หมื่นบาท จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์มาทางภาคอีสานมาเที่ยวเขื่อนอุบลรัตน์ หลังจากก่อเหตุแล้วนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งที่ จ.พิษณุโลก แล้วเหมารถแท็กซี่ 2,000 บาท ไป อ.เชียงคาน จ.เลย และเหมาสามล้อเครื่องไป อ.น้ำโสม ซื้อรถจักรยานยนต์มา 1 คัน เข้าไปหาซื้อแผนที่ในร้านเซเว่นฯ ดูจากแผนที่ เพื่อไปเที่ยวนอนค้างที่เขื่อนอุบลรัตน์ แต่ไม่รู้เส้นทาง จึงไปเจอด่านและเจอทางตัน ต้องข้ามฟากด้วยเรือ แต่ขณะนั้นค่ำมืดแล้วไม่มีเรือข้าม ระหว่างนอนพักตามสถานที่ต่างๆ ถูกคนร้ายกรีดเอาเงินไปบางส่วน คงเหลือเงินเพียงแค่ 4.1 แสนบาท!!

ขอบคุณ คมชัดลึก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น